“โอเคซิกาแรต!”
ประโยคสั้นๆชวนยียวนนี้ มาจากตอนที่ทหารสัมพันธมิตรเข้ามาปลดอาวุธญี่ปุ่นในบ้านเรา คนไทยชอบไปขอบุหรี่จากฝรั่ง เพราะสมัยนั้นบุหรี่ดีๆขาดแคลน บุหรี่ของทหารหน่วย G.I. จึงมีค่ามาก บางทีพวกนี้ขอให้คนไทยพาไปเที่ยวผู้หญิง คนไทยเราก็จะตอบว่า “โอเคซิกกาแรต!” ประมาณว่า “เอ็งให้บุหรี่…แล้วข้าจะพาไป”
เราจะเห็นได้ว่า ‘บุหรี่’ นั้นถือเป็นสิ่งของมีค่าอย่างหนึ่ง ที่ถึงแม้ว่าจะให้โทษอยู่ไม่น้อย แต่ก็ถือว่าเป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะยุคสมัยใด ก็ยังคงมีคนต้องการอยู่เสมอ และความมีคุณค่าอยู่ในตัวของมันนี้เอง จึงทำให้รู้ว่า…บุหรี่แบบเดิมๆ ยังไงก็ยังเป็นบุหรี่ และยังไงก็ยังดีที่สุด!
มอระกู่ และบุหรี่ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ที่อ้างว่าสูบแล้วปลอดภัย ช่วยเลิกบุหรี่ แต่คำพูดเหล่านี้เป็นเท็จทั้งสิ้น! จากข้อมูลที่ได้ไปศึกษามานั้นพบว่า…มอระกู่ (บารากู่) และ บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมีการอวดอ้างสรรพคุณที่เป็นเท็จว่า มีความปลอดภัยในการสูบหรือเสพ เลยเถิดถึงกระทั่งว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีสรรพคุณในการช่วยเลิกบุหรี่ แต่เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเลย ซึ่งเว็บไซต์ สสส. เป็นฝ่ายออกมาชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง สิ่งที่น่าตกใจคือ พวกเขากลับพบว่า…ผู้ที่หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อวัตถุประสงค์ในการเลิกบุหรี่ กลับติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน!
บารา ‘กุ’ !
ประธานคณะกรรมการโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลายคนเข้าใจว่า ‘มอระกู่’ มีความปลอดภัย ก็เพราะคิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากผลไม้ตากแห้ง ซึ่งจากการตรวจสอบในปัจจุบัน พบว่ามีส่วนผสมของสารอื่นๆ รวมไปถึงใบยาสูบผสมอยู่ด้วย จากนั้นมีการเติมแต่งกลิ่นและรสด้วยสารเคมีและสารอินทรีย์ทั้งหลายเพื่อให้มีกลิ่นหอมชวนสูบ
“ในต่างประเทศมีงานวิจัยชัดเจนว่า มอระกู่ หรือ ยาสูบผ่านกระบอกน้ำ หากผู้เสพ เสพต่อเนื่องในแต่ละครั้ง นานประมาณสัก 30 นาที ก็จะได้รับสารพิษ และสารเคมีต่างๆเข้าสู่ร่างกาย เทียบเท่ากับคนสูบบุหรี่ปกติประมาณ 20 มวน หรือ 1 ซองเต็ม ฉะนั้นสิ่งที่คนคิดว่ามันปลอดภัย จริงๆแล้วมันไม่ได้ปลอดภัย”
นอกจากนี้ หากมีการใช้กระบอกสูบมอระกู่ร่วมกันกับผู้ที่ป่วยเป็นวัณโรค หรือเป็นโรคติดต่อทางน้ำลาย (ไวรัสตับอักเสบบี) ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดโรคจากผู้อื่นมากขึ้นด้วย
บุหรี่ไฟฟ้า…สารพิษไฟฟ้า
ด้าน ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ที่มีโฆษณากล่าวอ้างว่า ปลอดภัย เสพได้ไม่เป็นไร ไม่ก่อโรคเหมือนอย่างการสูบบุหรี่ทั่วไป ผศ.นพ.สุทัศน์ ย้ำว่า เป็นสิ่งที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงค่อนข้างชัดเจน เพราะในปัจจุบัน, งานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นยืนยันว่า…บุหรี่ไฟฟ้าไม่ปลอดภัย
“ไม่ต้องดูอื่นไกล ทางสำนักควบคุมยาสูบ กรมควบคุมโรค สธ. ได้ไปสุ่มจับบุหรี่ไฟฟ้าในหลายพื้นที่ เมื่อปลายปี 2556 จากนั้นส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ไปให้ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์วิเคราะห์ส่วนประกอบ พบสิ่งที่น่าตกใจว่า มีสารพิษอยู่มากมาย ทั้งสารโลหะหนัก (สารปรอท สารหนู แคดเมียม โครเมียม ตะกั่ว ฯลฯ) ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ในการก่อสร้าง แต่หากสารพวกนี้เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์แล้ว ในระยะยาวล้วนก่อให้เกิดมะเร็งทั้งสิ้น สารไฮโดรคาร์บอน ที่พบในท่อไอเสียรถยนต์ และ สารโพรไพลีนไกลคอล สารตัวทำละลาย ที่เมื่อถูกความร้อนในบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว สามารถเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมี แตกออกเป็นสารใหม่ ซึ่งหลายตัวเป็นตัวที่ทางการแพทย์ยังไม่มีข้อมูลว่าเป็นพิษต่อร่างกายหรือไม่ แต่มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดภาวะพิษเพิ่มเติม”
ทั้งนี้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านภัยสุขภาพจากยาสูบ ให้ข้อมูลเสริมด้วยว่า งานวิจัยทางการแพทย์ของสมาคมโรคมะเร็ง สหรัฐอเมริกา เมื่อต้นปี 2557 พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับเซลล์ โดยเซลล์หลายๆ ตำแหน่งของร่างกาย สามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้เช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ทั่วไป
ยาสูบไฟฟ้า…อุปโลกน์ชวนเชื่อ
“คนที่สูบบุหรีไฟฟ้า มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหอบหืด และมีอาการตีบแคบของหลอดลมมากกว่าคนทั่วไป ตรงนี้เป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่ผู้ขายพยายามที่จะอุปโลกน์ หรือโฆษณาชวนเชื่อ” ผศ.นพ.สุทัศน์เน้นย้ำ และอธิบายเพิ่ม
“ผลกระทบที่บุหรี่ไฟฟ้ามีต่อสุขภาพ ส่วนใหญ่ก็คือผลกระทบที่เหมือนกับบุหรี่ทั่วไป ก็คือ ‘ต้องใช้เวลา’ ผู้เสพจะยังไม่เห็นผลแบบร้ายแรงในช่วง 1-2 วัน 1 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน แต่เมื่อตรวจสุขภาพหลังจาก 5-10 ปีนับจากเริ่มสูบแล้วจึงจะมีอาการแสดงออก ทุกโรคไม่ว่าจะเป็นโรคใดก็ตาม ล้วนเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาดทั้งสิ้น พูดง่ายๆว่า…เมื่อถึงตอนนั้น, ผู้ซื้อมาสูบเป็นผู้ขาดทุน เพราะสุขภาพที่เสียไปแล้ว เอาคืนไม่ได้ ได้แต่รักษาและประคองในส่วนที่เหลืออยู่เท่านั้น” ประธานคณะกรรมการโรงพยาบาลปลอดบุหรี่กล่าวสรุป
เห็นได้ว่าการสูบบุหรี่ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน ก็ล้วนแต่ให้โทษด้วยกันทั้งสิ้น…หากแต่เรารู้จักที่จะหาข้อมูลให้ดี เลือกเชื่อ และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองก็พอครับ