สร้างความไม่สบายใจให้เหล่าคนรักทุเรียนได้ไม่น้อย กับกรณีกระแสข่าวฮอตในโลกออนไลน์ ที่ระบุว่า มีคนกิน “ทุเรียนเผา” แล้วเสียชีวิต เนื่องจากสารซัลเฟอร์ หรือ กำมะถันในทุเรียน เมื่อโดนไฟเผาแล้วจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนเป็นอันตราย งานนี้จะชัวร์หรือมั่วนิ่มเราไปฟังคำตอบจากผู้รู้กันค่ะ
นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย ได้ให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า…
ขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยใดยืนยันว่า การเผาทุเรียนจะทำให้กำมะถันในทุเรียนเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนเป็นเหตุให้ผู้ที่บริโภคเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม การเผาทุเรียนจะทำให้วิตามิน เช่น โฟเลต วิตามินบี ซี ในทุเรียนลดลง ทำให้น้ำในทุเรียนระเหยออกไป ทุเรียนเผาจึงมีรสชาติหวานขึ้น แถมกลิ่นเหม็นยังลดลง ทั้งนี้ ไม่ควรเผาทุเรียนจนไหม้ เพราะหากกินสะสมไปนานๆ ไม่ต่างจากการกินอาหารปิ้งย่างจนไหม้เกรียม ซึ่งเสี่ยงมะเร็ง
อย่างไรก็ตาม แม้ทุเรียนจะรสชาติถูกปากแค่ไหน ก็ควรกินทุเรียนแต่พอเหมาะ จึงควรกินไม่เกิน 2 เม็ดต่อวัน ไม่กินในปริมาณมากและไม่กินถี่ทุกวัน เพราะอาจส่งผลให้น้ำหนักเกิน เจ็บคอ นอกจากนี้ ในมื้อที่กินทุเรียนควรลดอาหารประเภทข้าว แป้ง ขนมหวานควบคู่ไปด้วย เช่น กินทุเรียนแล้วก็ไม่ต้องซ้ำด้วยของหวานอื่น หรือถ้าจะกินทุเรียนมื้อนี้ควรลดข้าวให้น้อยลง
ส่วนผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หากกินทุเรียนในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้อาการทรุดได้ เพราะในทุเรียนมีแป้งและไขมันสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ ต้องคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ไม่ควรกินเกิน 1 เม็ดเล็กต่อวัน และเนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้มีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไตจึงควรเลี่ยง เพราะผู้ป่วยโรคนี้ไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินได้เท่าคนปกติ อาจส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
นอกจากนี้การจับคู่ทุเรียนกับบางเมนูยังก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพแบบทวีคูณ!!
เช่น การกินทุเรียนคู่กับลำไย เพราะในลำไยมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง และให้พลังงานมาก อาจทำให้เกิดร้อนในได้, การกินทุเรียนคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายเกิดความร้อนสูงกว่าปกติ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง ระดับเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ สมองทำงานไม่ดี ง่วงซึม อาเจียน คลื่นไส้ อันตรายถึงชีวิตได้
เข้าใจว่าปีหนึ่งมีทุเรียนให้หม่ำไม่กี่เดือน แต่ก็อย่าเพลินจนลืมเตือนตัวเองนะคะว่า You are what you eat กินอะไรก็ได้อย่างนั้น เพราะอาหารคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุขภาพดีค่ะ