กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ สำหรับเทรนด์การหม่ำเมล็ดเจียเสริมในเมนูต่างๆ เพื่อลดน้ำหนัก มีการรีวิวกันตามโซเชียลเน็ตเวิร์คหลายแห่งว่าได้ผลดีเยี่ยม จนแห่ซื้อเมล็ดเจียมาบริโภคตามๆ กันถึงขั้นขาดตลาด ว่าแต่ “เมล็ดเจีย” คือคำตอบของคนลดความอ้วนจริงหรือไม่ เรามีคำตอบ!!
เมล็ดเจียเป็นพืชในกลุ่มเครื่องเทศตระกูลเดียวกับกะเพรา หรือ มิ้นต์ มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ชื่อว่า Salvia Hispanica L. ลักษณะลำต้นสูงประมาณ 4-6 ฟุต เป็นพืชให้เมล็ดเล็กๆ มีสองสี คือดำและขาว เปลือกนอกเมล็ดพองตัวได้เหมือนเม็ดแมงลัก เมล็ดเจียมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ ไฟเบอร์ กรดไขมันดีชนิดโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 แคลเซียม สารต้านอนุมูลอิสระ และโปรตีน ซึ่งเมื่อนำเมล็ดเชียทั้งเมล็ดหรือบดให้ละเอียด นำไปแช่กับน้ำ น้ำผลไม้ หรือ นม เมล็ดเจียสามารถพองตัวได้ถึง 12 เท่า
คุณสมบัติสำคัญของเมล็ดเจียที่สาวๆ หลายคนรู้เป็นต้องกรี๊ดก็คือ กินแล้วอิ่มสบายท้อง อีกทั้งยังมีแคลอรีต่ำ ย่อยง่าย ร่างกายไม่สะสมเป็นไขมัน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะทำให้อิ่มทนขึ้นในเมล็ดเจียเมื่อพองตัวจะอุ้มน้ำ เมื่อกินเข้าไปแล้วจะกลายเป็นเจล เรียกว่า มูซิลเจล ลักษณะคล้ายเม็ดแมงลัก ซึ่งกากใยนี้ทำให้อิ่มนานขึ้น เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรบริโภคแต่พอดี ควบคู่กับการรับประทานอาหารให้ครบหมวดหมู่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
แม้คุณสมบัติจะดีเยี่ยมแต่ “เมล็ดเจีย” ก็ไม่ได้เหมาะกับร่างกายของทุกคน โดยเฉพาะคนที่ปัญหาเรื่องสุขภาพ ได้แก่ คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ ไม่ควรบริโภคเมล็ดเจียเพราะเส้นใยไฟเบอร์ที่ขยายตัวในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 จะยิ่งกระตุ้นให้ตับอ่อนเร่งสร้างน้ำย่อยออกมา, คนที่ต้องเข้ารับการศัลยกรรม หรือมีประวัติการใช้ยาแอสไพริน ไม่ควรบริโภคเมล็ดเจีย เพราะจะยิ่งทำให้หลอดเลือดบางลง หรือเกิดภาวะที่เลือดแข็งตัวช้า, ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตต่ำ เพราะเมล็ดเจียมีผลต่อแรงดันเลือดขณะที่หัวใจคลายตัวให้ต่ำลง อาจก่อให้เกิดอาการช็อกหรือหมดสติได้, ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรบริโภคเมล็ดเจีย เพราะมีผลต่อสารอาหารในน้ำนมให้เปลี่ยนไปจากเดิม