“คาเฟอีน”
หรือ “กาเฟอีน” (Caffeine) เป็นสารในกลุ่มอัลคาลอย (Xanthine alkaloid) ที่มีรสขม พบในพืชธรรมชาติหลายชนิด เช่น เมล็ดกาแฟ ใบชา ผลโกโก้ และสามารถสังเคราะห์นำมาใช้ทางอุตสาหกรรมได้ เช่น ในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และยาคาเฟอีนไม่จัดเป็นอาหาร จึงไม่จำเป็นสำหรับร่างกาย
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลมประเภทโคลา เครื่องดื่มชูกำลัง โกโก้ ช็อกโกแลต และในส่วนของยา เช่น ยาแก้ปวดบางชนิดคาเฟอีนมีรสขม มีคุณสมบัติกระตุ้นสมองส่วนกลาง และมีฤทธิ์ขับน้ำออกจากร่างกายทางปัสสาวะ
ผลข้างเคียงจากคาเฟอีน ขึ้นกับปริมาณคาเฟอีนที่บริโภคและที่คงค้างในร่างกาย เช่น ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว นอนไม่หลับ มือสั่น กระสับกระส่าย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และปัสสาวะบ่อย (ซึ่งมักขับแคลเซียมออกเพิ่มขึ้นในปัสสาวะร่วมด้วย)
ดังนั้น การบริโภคคาเฟอีนปริมาณสูงต่อเนื่องจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงของภาวะขาดน้ำและของโรคกระดูกพรุน และคาเฟอีนอาจกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดมากขึ้น ส่งผลทำให้ปวดท้องแสบท้องและเสี่ยงต่อการเกิดท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือโรคกรดไหลย้อนได้
บุคคลที่ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีนเพราะอาจก่ออาการผิดปกติหรือกระตุ้นให้อาการรุนแรงขึ้นได้ นอกจากสตรีมีครรภ์ ได้แก่…
ผู้ป่วยอยู่ในภาวะเครียดหรือมีปัญหาทางอารมณ์/จิตใจ
ผู้ที่มักนอนไม่หลับ
ผู้ที่มีก้อนในเต้านมหรือเจ็บเต้านม (คาเฟอีน กระตุ้นให้เจ็บเต้านมมากขึ้น)
ผู้มีอาการทางกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคแผลในกระเพาะอาหาร และโรคกรดไหลย้อน
ผู้มีปัญหาโรคหัวใจ
ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงหรือมีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง
ทั้งนี้ผู้ที่บริโภคคาเฟอีนต่อเนื่องอาจติดคาเฟอีนได้ แต่ไม่รุนแรงเหมือนติดบุหรี่หรือติดสุรา ดังนั้นการเลิกบริโภคจึงควรค่อยๆลดปริมาณลงช้าๆ เพื่อป้องกันอาการข้างเคียงที่เกิดจากการเลิกบริโภค เช่น วิงเวียน กระสับกระส่าย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน