จากกรณีที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับบ้านเลี้ยงนกพิราบสกปรก จนส่งกลิ่นเหม็น และสร้างความเดือดร้อนรำคาญกับเพื่อนบ้านนั้น ล่าสุดกรมอนามัยออกมาประกาศเตือนแล้วนะคะ ว่าให้คนเลี้ยงนก รวมถึงผู้ที่อยู่ใกล้แห่งเลี้ยงนกหรือมีนกอยู่ชุกชุม ต้องระวังสุขภาพให้ดีเพราะอาจเสี่ยงรับเชื้อโรคจนเจ็บป่วยได้ค่ะ
ข้อมูลจาก นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า…
จากกรณีดังกล่าวอาจเสี่ยงต่อโรคที่จะติดต่อมาสู่คนได้ ได้แก่ โรคสมองอักเสบจากเชื้อรา ปอดอักเสบ ท้องเสียหรือแม้กระทั่งหมัดจากตัวนกเอง
หนึ่งในเชื้อก่อโรคที่น่าห่วงกังวล คือ เชื้อราคริปโตคอคคัส นีโอฟอร์แมนส์ (Cryptococcus neoformans)
เชื้อราดังกล่าวพบมากในมูลนกตระกูลนกพิราบ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเชื้อรานี้ได้ดีในสภาวะชื้นและแสงแดดส่องไม่ถึง ในสภาพที่มีอุณหภูมิระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส สามารถรับเชื้อราคริปโตคอคคัสนี้ได้ด้วยการหายใจ เพราะเชื้อราและสปอร์มีน้ำหนักเบาและถูกพัดพาให้กระจายไปในอากาศได้ง่าย
การเข้าใกล้บริเวณกรงนกหรือโรงเลี้ยงนกที่สกปรก มีมูลนกสะสมจำนวนมาก หรือเมื่อนกกระพือปีก ทำให้เกิดฝุ่นละอองยิ่งฟุ้งกระจาย ก็อาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะหายใจเอาเชื้อราหรือสปอร์ของเชื้อราเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้
เชื้อราชนิดนี้จะมีผลที่ปอดก่อนและลามไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกายโดยผ่านทางกระแสเลือด การเกิดโรคจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ และมีอาการปวดศีรษะเป็นพักๆ หน้ามืด วิงเวียน ปวดขมับ เบ้าตา บางครั้งถึงขั้นอาเจียน ไอและมีเสมหะปนเลือด มีไข้ต่ำ น้ำหนักลด อาจมีหลอดลมอักเสบร่วมด้วย
ในบางรายจะไม่แสดงอาการ แต่เชื้อจะฟักตัวในร่างกายเป็นเวลาหลายปี จนเมื่อร่างกายอ่อนแอหรือภูมิคุ้มกันบกพร่องจะแสดงอาการออกมา โดยกลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หอบหืด หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งจะมีอาการรุนแรงกว่าคนปกติและรักษาได้ยากกว่า หากคุณหรือคนรอบข้างมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธีต่อไป
สำหรับการป้องกันนอกจากการสวมผ้าปิดปากและจมูกเวลาทำความสะอาดอาคารเก่าหรือบริเวณที่พบนกอาศัยอยู่ ล้างมือทุกครั้งหลังทำความสะอาด ผู้ที่เลี้ยงนกต้องหมั่นทำความสะอาดกรงนกอยู่เสมอ
สำหรับการไล่นกออกจากที่อยู่อาศัยสามารถทำได้ด้วยวิธีการต่างๆ อาทิ กั้นตาข่าย ตะแกรง ขึงเอ็นกีดขวางเพื่อไม่ให้นกเข้ามาอาศัย แต่ไม่ควรใช้สารเคมี เพราะอาจฟุ้งกระจายและเป็นอันตรายได้ค่ะ