“ไข้หวัด” ถือเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่แทบทุกคน เคยมีประสบการณ์เจ็บป่วยด้วยโรคนี้ ส่วน “ไข้หวัดใหญ่” นั้น ก็เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจเช่นกัน แต่จากไวรัสคนละชนิด และมีความรุนแรงสูงกว่ามาก ความที่เป็นโรคที่พบได้บ่อย ความเชื่อเกี่ยวกับโรคนี้จึงมีให้ได้ยินบ่อยๆ

คำถามคือความเชื่อที่ว่าสอดคล้องกับความจริงมากน้อยแค่ไหน?

1. ความเชื่อ: เราจะเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่จากการจามใส่กัน

ความจริง: ไม่เพียงการจามเท่านั้น เรามีโอกาสติดเชื้อหวัดเมื่อสัมผัสกับที่จับประตู ผ้าเช็ดจาน หรือราวบนรถเมล์ ซึ่งมักเปื้อนไวรัสเมื่อนำนิ้วที่เปื้อนไวรัสมาขยี้ตาหรือจมูก ไวรัสก็จะเข้าสู่ร่างกายได้เช่นกัน

2. ความเชื่อ: ยาปฏิชีวนะเป็นเพียงวิธีเดียวในการรักษาไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

ความจริง: ยาปฏิชีวนะเหมาะกับการรักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรียเท่านั้นแต่ใช้ไม่ได้ผลกับไวรัสหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่โรคหวัดกลายเป็นการติดเชื้อทุติยภูมิ เช่น หลอดลมอักเสบ

3. ความเชื่อ: ถ้าเป็นหวัดให้กิน ถ้าเป็นไข้ให้อด

ความจริง: ห้ามอดอาหารอย่างเด็ดขาด ควรดื่มเครื่องดื่มและซุปร้อนๆที่มีคุณค่าทางโภชนาการ อาหารเหลวร้อนๆ จะช่วยเพิ่มอุณหภูมิในโพรงจมูกและปาก และช่วยให้ร่างกายกำจัดไวรัสได้เร็วขึ้น

4. ความเชื่อ: ถ้าฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่แล้วจะไม่เป็นหวัดเลย

ความจริง: วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ไม่ได้ป้องกันไข้หวัดธรรมดา และถึงจะป้องกันไข้หวัดใหญ่ ก็ป้องกันได้ 80-90% แต่ว่ากลุ่มคนที่ควรจะมาฉีดคือเด็ก, ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี,ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เพราะว่าการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่อาจทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

5. ความเชื่อ: คุณเป็นหวัดแบบเดียวกันได้ 2 ครั้ง

ความจริง: มีไวรัสไข้หวัดประมาณ 200 ชนิด ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วคนเราจะเป็นหวัดกันคนละ2-3 ครั้งในหน้าหนาว เมื่อหายหวัดแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา ซึ่งช่วยให้คุณไม่เป็นหวัดเพราะไวรัสชนิดเดิม

6. ความเชื่อ: การพักผ่อนช่วยให้หายไข้หวัดเร็วขึ้น

ความจริง: การออกกำลังกายเบาๆ และอากาศบริสุทธิ์ช่วยให้หายจากไข้หวัดได้เร็วกว่า ส่วนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ให้นอนพักเพราะการนอนพักสำคัญต่อการฟื้นฟูร่างกายจากไข้หวัดใหญ่

ไขกระจ่างกันแล้วกับ 6 ความเชื่อ อย่างไรก็ดี ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ 🙂