ในช่วงหน้าร้อน การอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศดูจะเป็นทางออกในการคลายร้อนของหลายๆ คนและความที่ปีนี้อากาศบ้านเราร้อนจัดเป็นพิเศษ หลายคนจึงเปิดใช้แอร์แทบจะตลอดวันจนไม่มีเวลาทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศหรือล้างแอร์ จนก่อให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ที่น่ากลัวก็คือ หากได้รับเชื้อสะสมเป็นเวลานานอาจเสี่ยงเกิด “โรคปอดอักเสบ”
เพราะในแอร์มีความชื้นจึงอาจก่อให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสหรือเชื้อรา โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียลิจิโอเนลลานิวโมฟิวลา ซึ่งหากหายใจเอาฝอยละอองน้ำที่มีเชื้อนี้ปนเปื้อนเข้าไปจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้
โดยลักษณะอาการมี 2 แบบคือ แบบปอดอักเสบรุนแรง มีไข้สูง ไอ หนาวสั่น เรียกว่า “โรคลิเจียนแนร์” และแบบที่มีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่ เรียกว่า “ไข้ปอนเตียก”
โดยผู้ป่วย “โรคลีเจียนแนร์” จะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เริ่มด้วย ปวดศรีษะ ปวดกล้ามเนื้อ ตามด้วยมีไข้สูง หนาวสั่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน อาจมีอุจจาระร่วง ไอแห้งๆ (มักไม่มีเสมหะ) ในกรณีที่เป็นไข้ปอนเตียกมักจะหายภายใน 2-5 วัน แม้จะไม่ได้รับการรักษา ส่วนโรคลีเจียนแนร์ถ้าเป็นมากอาจพบลุกลามได้ในปอดทั้งสองข้าง การป่วยค่อนข้างรุนแรงและอาจจะทำให้การหายใจล้มเหลว มีอัตราการตายสูง
สำหรับแอร์ที่ใช้ตามบ้านเรือนเมื่อเปิดแอร์ควรสังเกตว่าอากาศที่ออกมาจากแอร์มีกลิ่นเหม็นหรือมีกลิ่นอับหรือไม่ หากมีกลิ่น ในเบื้องต้นควรล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศที่อยู่ในแอร์ด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หากล้างทำความสะอาดแล้วกลิ่นไม่หาย ควรเรียกช่างเพื่อทำความสะอาดแบบเต็มระบบ
ทั้งนี้ การล้างทำความสะอาดแอร์ควรทำเป็นประจำ โดยดูตามความเหมาะสมจากสภาพแวดล้อมและการใช้งาน หากเป็นแผ่นกรองอากาศควรล้างด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้วใช้น้ำฉีดแรงๆ ที่ด้านหลัง ด้านที่ไม่ได้รับฝุ่นให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกหลุดออกอย่างน้อยเดือนละครั้ง และควรล้างแอร์แบบเต็มระบบอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้งเช่นเดียวกัน
แต่หากใช้เป็นประจำทุกวัน ควรล้างทำความสะอาดประมาณ 6 เดือนต่อครั้ง เพราะนอกจากจะช่วยลดเชื้อโรคที่อาจสะสมอยู่ในแอร์แล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วย