เพิ่งจะมีข่าวครึกโครมเมื่อไม่นานนี้ สำหรับการทลายแหล่งลักลอบจำหน่ายยาแก้ปวดผสมกับยาทรามาดอล ยาแก้ไอ และยาแก้แพ้ ซึ่งผลการตรวจค้นพบของกลางจำนวนมากรวมมูลค่ากว่า1.5 ล้านบาท หลายคนเห็นข่าวนี้อาจไม่เข้าใจว่าแค่ยาทำไมถึงดูเป็นเรื่องใหญ่ ว่าแล้วก็ไปรู้จักอันตรายของยาเหล่านี้กัน
ยาทรามาดอล ยาโปรโคดิลและยาน้ำเชื่อมแก้ไอหวัดต่างๆ จัดเป็นยาอันตรายตามกฎหมาย ซึ่งมีใช้ในโรงพยาบาลหรือขายยาแผนปัจจุบันที่มีเภสัชกรประจำร้านตลอดเวลาเท่านั้น โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดว่าจะต้องไม่จำหน่ายยาเหล่านี้แก่ผู้ซื้อโดยไม่จำเป็น หรือหากจะจ่ายได้ต้องมีอาการที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้วัยรุ่นนำไปใช้ในทางที่ผิด
“ยาแก้ปวด”
หรือ “ยาทรามาดอล”เป็นยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งอาการปวด ใช้บรรเทาอาการปวดระดับกลางไปจนกระทั่งระดับรุนแรงจัดเป็นยาอันตรายผลข้างเคียงของยาชนิดนี้ ได้แก่ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ง่วงนอน ท้องผูก คลื่นไส้บางรายมีอาการอ่อนเพลีย ปากแห้ง อาเจียน ตาพร่ามั่ว ใจสั่น ประสาทหลอน ปัสสาวะบ่อย การใช้ยาทรามาดอลร่วมกับยาที่มีส่วนผสมของแอมเฟตามีน อาจส่งผลให้เกิดอาการชักได้หากบริโภคยาตัวนี้เกินขนาดจะมีอาการตั้งแต่ซึม คลื่นไส้ อาเจียน ความดันโลหิตต่ำ ชัก ไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
“ยาแก้ไอ”
ชนิดน้ำเชื่อมที่มีส่วนผสมของไดเฟนไฮดรามีน จัดเป็นยาอันตราย มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ลักษณะเป็นน้ำยาเหลวข้น หนืดเล็กน้อย มี สรรพคุณทางยาใช้เป็นยาแก้แพ้สำหรับลดน้ำมูก บรรเทาอาการหวัดและไอเนื่องจากเสมหะ หากนำยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของไดเฟนไฮดรามีน ไปใช้ในปริมาณที่สูงกว่าปกติ จะทำให้ผู้ใช้มีอาการง่วงซึม มึนงง ปากแห้ง ใจสั่น และหงุดหงิดง่าย จึงต้องมีการใช้ยานี้อย่างระมัดระวัง และห้ามใช้เสริมฤทธิ์กับยานอนหลับ ยากล่อมประสาทและแอลกอฮอล์
“ยาแก้แพ้”
หรือ “ยาโปรโคดิล” ประกอบด้วยตัวยาสำคัญคือ promethazine ใช้บรรเทาอาการแพ้ เมารถ เมาเรือ แพ้อากาศ น้ำมูกไหล ป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะร่วมด้วย จัดอยู่ในกลุ่มยาที่แพทย์นำมาใช้ในการระงับประสาท มีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม การนำยาโปรโคดิลหรือยาแก้ไอมาผสมกับเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความมึนเมาอาจนำไปสู่อันตรายถึงชีวิต หากกินยานี้เกินขนาดจะสูญเสียการทรงตัวเป็นช่วง ๆ และหากกินติดต่อกันนานเข้าอาจเกิดภาวะชัก สมองหยุดทำงาน และเสียชีวิตได้
ยาทุกตัวนั้นมีประโยชน์ หากใช้ตรงตามวัตถุประสงค์ ซึ่งก็คือเพื่อรักษาโรคต่าง ๆฉะนั้น ต้องใช้ยาตามคำสั่งแพทย์เท่านั้นรวมถึงอ่านฉลากยาให้ถี่ถ้วนทุกครั้งก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย