“น้ำส้มสายชู” เครื่องปรุงที่สร้างรสเปรี้ยวให้อาหารหลากหลายชนิด เช่น ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ผสมในน้ำจิ้มต่างๆ และเพราะน้ำส้มสายชูที่ขายในตลาดนั้นมีหลายประเภท หากเลือกซื้ออย่างไม่ระวัง อาจพลาดไปซื้อน้ำส้มสายชูปลอมมาได้ ซึ่งหากรับประทานเข้าไปอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายถึงขั้นท้องร่วงอย่างรุนแรงได้
น้ำส้มสายชู โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 3 ประเภท
- น้ำส้มสายชูหมัก คือ น้ำส้มสายชูที่ได้จากการหมักธัญพืช ผลไม้หรือน้ำตาล น้ำส้มสายชูชนิดนี้มีรสชาติกลมกล่อมกลิ่นหอม และมีเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ราคาค่อนข้างสูง
- น้ำส้มสายชูกลั่น คือ น้ำส้มสายชูที่ได้จากการหมักแอลกอฮอล์กลั่นเจือจางกับเชื้อน้ำส้มสายชู จากนั้นนำไปกลั่นอีกครั้ง หรือนำน้ำส้มสายชูหมักมากลั่นนั่นเอง
- น้ำส้มสายชูเทียม คือ น้ำส้มสายชูที่นำกรดน้ำส้ม(Acetic Acid) กรดอินทรีย์มีฤทธิ์กรดอ่อน ความเข้มข้น 95%มาเจือจางจนได้ปริมาณกรด 4-7%
ที่น่ากลัว คือมีการนำน้ำส้มสายชูปลอมมาจำหน่ายในตลาด ซึ่งมีราคาถูกผลิตจาก “หัวน้ำส้ม” ที่เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนัง สิ่งพิมพ์ สิ่งทอ และอาจปนเปื้อนโลหะหนัก หรือวัตถุเจือปนอื่นๆระหว่างกรรมวิธีการผลิต
เมื่อเข้าสู่ร่างกายทำให้พิษสะสมได้ การผสมกรดน้ำส้ม ที่ไม่ได้มาตรฐานในปริมาณที่สูงเกินไป ทำให้ผู้รับประทานเกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงได้นอกจากนี้ยังพบการนำกรดแร่อิสระบางชนิด เช่น กรดกำมะถันหรือกรดซัลฟิวริก ซึ่งเป็นกรดแก่มาเจือจางด้วยน้ำมากๆ แล้วบรรจุขวดขาย เป็นกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง จึงอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร และตับ
การเลือกซื้อน้ำส้มสายชูให้ปลอดภัย ให้เลือกที่มีลักษณะใส ไม่มีตะกอนไม่มีเจือสี และมีปริมาณกรดน้ำส้ม4-7 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร หรือเลือกที่มีข้อความข้างขวดระบุว่า “มีปริมาณกรดน้ำส้ม 4-7%” รวมทั้งมีเครื่องหมาย อย. รับรอง
แต่หากไปกินอาหารนอกบ้านควรสังเกตน้ำส้มสายชูก่อนปรุงคือภาชนะที่ใส่น้ำส้มสายชูไม่ควรเป็นพลาสติก น้ำส้มสายชูอาจทำปฏิกิริยากับพลาสติกเกิดสารพิษที่ก่อเกิดโรคมะเร็งได้ และหากมีพริกดอง ให้สังเกตส่วนน้ำส้มที่อยู่เหนือพริกจะขุ่น เนื้อพริกมีสีซีดขาวและเปื่อยยุ่ย ไม่ควรกิน