อาจารย์ ดร.ธรรมขันธ์ อุปวงษาพัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาสุขศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพาและเป็นหนึ่งในสมาชิกสมาคมสั่งจิตบำบัดทางการแพทย์และทันตกรรมนานาชาติสหรัฐอเมริกา (IMDHA) อธิบายว่า…ขณะเดินทางไปทำงานหลายคนมักเกิดความเครียดจากสภาพการจราจาที่ติดขัด แต่ถ้าหากคุณปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเครียดเป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายเกิดตวามไม่สมดุลของระบบฮอร์โมน
ซึ่งเป็นชีวเคมีที่สำคัญต่อมนุษย์เพราะทำหน้าที่ช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่างๆภายในขณะเกิดความเครียดจะทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมน คอร์ติซอลเพิ่มขึ้นก่อให้เกิดอาการทางกายหลายอย่างแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลตั่งแต่ปวดศีรษะปวดหลัง อ่อนเพลีย
และหากต้องเผชิญกับความเครียดที่รุนแรงมากๆ เป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดโรค NCDs หรือถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้เนื่องจากระบบการทำงานของร่างกายล้มเหลว!
เช่น คนที่มีโรคเบาหวานเป็นโรคประจำตัวอยู่แล้วหากเกิดความเครียดอย่างรุนแรงฮอร์โมนคอร์ติซอลจะไปกระตุ้นระดับน้ำตาลให้สูงขึ้นหรือลดต่ำลงอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดอาการช็อกได้หรือในบางรายที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ส่งผลให้เกิดโรคภูมแพ้ต่างๆ และมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับคนปกติ
อาจารย์ ดร.ธรรมวัฒน์แนะนำเพิ่มเติมอีกด้วยว่า…
“ธรรมะเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยขจัดความเครียดได้โดยทำจิตใจให้สงบหรือแผ่เมตตาต่อเพื่อนร่วมเดินทางบนท้องถนนเนื่องจากจิตใจและร่างกายเชื่อมโยงกันตลอดเวลาการทำสมาธิช่วยปรับสภาวะจิตใจภายในส่งผลไปที่สภาวะกายอันได้แก่ระบบเลือดระบบฮอร์โมนโดยอัติโนมัติ”
นอกจากนี้การใช้ดนตรีบำบัดเลือกฟังเพลงที่ชื่นชอบหรือฟังวิทยุคลื่นโปรดยามที่คุณติดแหง็กอยู่บนท้องถนนเป็นเวลาหลายชั่วโมงก็เป็นวิธีที่ไม่เลวเลยทีเดียวในการจัดการกับความเครียด
ที่สุดแล้วการใช้ชีวิต ถ้าไม่ให้ความเครียดนำทางก็ช่วยลดเรื่องความเสี่ยงเรื่องสุขภาพได้มากมายหลายโรคเลยทีเดียว ลองดูครับ 🙂