นอนกรน คือ การส่งเสียงดังขณะนอนหลับ เสียงของการกรนเกิดจากการที่อากาศเคลื่อนผ่านทางเดินหายใจที่แคบลง เป็นผลให้เกิดการสั่นสะเทือนและสะบัดของเนื้อเยื่ออ่อนในบริเวณดังกล่าวเกิดเป็นเสียงกรนขึ้น การนอนกรนเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งของโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น ดังนั้น จึงควรหาวิธีแก้นอนกรน
อาการนอนกรนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ถือว่าเป็นโรค แต่เมื่อไรที่อาการนอนกรนทำให้เกิดปัญหาต่อคู่นอน สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนบ้าน หรือมีผลต่อสังคมและคุณภาพชีวิตของบุคคลนั้นแล้ว จำเป็นต้องมาปรึกษาแพทย์ และเมื่ออาการนอนกรนเกิดร่วมกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์ ซึ่งจะช่วยลดอันตรายที่จะเกิดกับระบบต่างๆ ที่สำคัญของร่างกายได้
รวมวิธีแก้นอนกรน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
1. ท่านอน
การนอนตะแคง นอนหนุนหมอน หรือยกหัวเตียงให้สูงขึ้น จะช่วยให้หายใจสะดวกมากขึ้น โดยการยกศีรษะให้สูงขึ้น ประมาณ 4 นิ้วจะช่วยให้อากาศในทางเดินหายใจไหลผ่านได้ดีขึ้น ไม่ควรนอนในท่านอนหงายเนื่องจากจะทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจได้ง่ายกว่าการนอนในท่าตะแคง
2. การลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนัก รักษาน้ำหนักให้ได้ตามมาตรฐาน จะทำให้ไขมันพอกรอบคอลดลง เนื้อเยื่อผนังคอแคบลง ทางเดินหายใจสะดวกขึ้น แนะนำให้ลดน้ำหนักโดยการควบคุมอาหาร และควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและเพิ่มความกระชับและความตึงตัวให้กับกล้ามเนื้อ
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เพราะการออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงรั้งช่องทางเดินหายใจแข็งแรงขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อภายในปากไม่หย่อนลงมาขัดขวางทางเดินหายใจ ลดการอุดกั้นทางเดินหายใจ ช่วยให้หลับได้ดีขึ้น และยังเป็นการช่วยลดน้ำหนักอันเป็นสาเหตุหลักของการนอนกรนได้
4. งดการสูบบุหรี่ก่อนนอน
เพราะควันบุหรี่ส่งผลให้เนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจบวม หรือมีอาการคัดจมูก นอกจากนี้ยังทำให้เมือกในช่องคอเหนียวข้นมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้หายใจได้ไม่สะดวก เมื่อนอนหลับแล้วก็จะมีอาการนอนกรนตามมาได้
5. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการรับประทานยานอนหลับ
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือการกินยานอนหลับ หรือยาแก้แพ้ชนิดง่วง จะไปกดระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้กล้ามเนื้อมีการคลายตัวมากขึ้น และอาจมีการอุดกั้นทางเดินหายใจมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีเสียงกรนดังขึ้น หายใจลำบาก
6. การนอนหลับที่มีคุณภาพและเพียงพอ
การหลับอย่างมีคุณภาพ คือ ครบวงจรทุกระยะการหลับ ทั้งหลับตื้น หลับลึก และหลับฝัน ให้ครบทุกระยะเพราะมีความสัมพันธ์กัน ในส่วนของชั่วโมงการนอน ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบควรนอนให้ได้ 7 – 9 ชั่วโมง ทั้งนี้แต่ละวัยต้องการจำนวนการนอนจะไม่เท่ากัน ชั่วโมงการนอนของเด็ก 11 – 13 ชั่วโมง ผู้ใหญ่ 7 – 9 ชั่วโมง การนอนหลับที่มีคุณภาพและเพียงพอจะทำให้ร่างกายไม่อ่อนล้า ตื่นมาพร้อมความรู้สึกสดชื่น
การนอนเป็นสิ่งสำคัญ นอนดีทุกวัน สุขภาพแข็งแรง ดังนั้น หากมีปัญหานอนกรนควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางจะดีที่สุด เพื่อจะได้ค้นหาสาเหตุ และนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที