การสื่อสารบนโลกออนไลน์รวดเร็วฉับไว รู้ทุกอย่างที่ต้องการจึงไม่แปลกที่การสื่อสารผ่านหน้าจอโทรศัพท์หรือสมาร์ทโฟนจะโตเร็วแบบก้าวกระโดด แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระวังมากๆก็คือ ภัยร้ายใกล้ตัวอย่าง Cyberbullying หรือการรังแกเด็กและเยาวชนผ่านโลกออนไลน์นั่นเอง
เราได้ยิน Cyberbullying บ่อยๆ แท้จริงมันคืออะไร?
การรังแกของเด็กและเยาวชนในยุคไฮเทค ที่เป็นกรณีพิพาทระหว่างเด็กกับเด็กด้วยกัน ใช้เครื่องมือสื่อสารอย่างคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต เชื่อมต่อเครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่าง เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม หรือเว็บไซต์ต่างๆ เป็นเครื่องมือในการรังแกและกลั่นแกล้งกัน ซึ่งวิธีการเหล่านี้สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงอันตรายมากๆ
และในปัจจุบันก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มเด็กอีกแล้ว เรียกได้ว่าเจอได้ทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว
ซึ่งสาเหตุก็มักหนีไม่พ้นความหมั่นไส้ อิจฉาริษยา หรือความไม่พึงพอใจจากชีวิตประจำวันแต่ไม่สามารถทำกันซึ่งๆหน้าได้ จึงเลือกวิธีการนี้แทน หรือแม้แต่การโอนเอียงแสดงความเห็นด้านลบไปตามกระแสโดยที่ไม่ได้พิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
อะไรบ้างที่กำลังบอกว่า… เรากำลังโดน Cyberbullying?
1.การขู่ทำร้ายและใช้คำหยาบคาย
อาจโพตส์ด่าทอ กระทบกระเทียบเสียดสี หรือขู่ทำร้ายผ่านช่องสนทนาหรือโพสต์อย่างโจ่งแจ้งที่หน้าโซเชียลมีเดียของกตนเองเลยก็ได้ อาจมีการแท็กถึงผู้ถูกกระทำด้วยก็ได้เช่นกัน
2.การแอบอ้างเป็นตัวตนของผู้อื่น
วิธีนี้ผู้ประสงค์ร้ายอาจรู้รหัสเฟซบุ๊กหรือไลน์ แล้วทำการปลอมแปลงเข้าไปเป็นตัวตนของผู้อื่น จากนั้นก็ทำการด่าทอ โพสต์ข้อความหยาบคายหรือปล่อยรูปลามกให้ผู้ที่อ่านเข้าใจผิดในตัวบุคคลคนนี้
3.คุกคามทางเพศบนสื่อออนไลน์
ผู้ประสงค์ร้ายพูดจาคุกคามทางเพศผ่านโซเชียลมีเดีย บังคับให้แสดงกิจกรรมทางเพศผ่านกล้อง หรือส่งภาพคลิปดีโอโป๊เปลือยมาให้โดยที่ผู้รับไม่ต้องการ
4.การแบล็กเมล์กัน
อาจมีการนำภาพลับ คลิปหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ถูกกลั่นแกล้งมาลงในโลกโซเชียลให้เกิดความอับอายและไม่สามารถอยู่ในสังคมได้
5.หลอกลวง
การหลอกลวงอาจมีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงให้หลงเชื่อ นัดให้ออกมาเจอเพื่อทำมิดีมิร้าย หรือประสงค์ในทรัพย์สินด้วยสารพัดวิธีการต่าง ๆ
เห็นแบบนี้แล้วต้องอธิบายและห้ามเตือนบุตรหลานไม่ให้ทำพฤติกรรมแบบนี้ และหากพบเจอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแก้ไขต่อไป
