Brain Fag Syndrome โรคที่มาจากความมุ่งมั่นมากเกินไป

0

ใครๆ ก็อยากย้อนวัยกลับไปในสมัยเรียน เพราะรู้สึกว่าปัญหาที่เจอไม่เท่าตอนทำงาน แต่เอาเข้าจริง เฮียว่าถ้ามองย้อนไปถึงตอนต้องอ่านหนังสือสอบเป็นบ้าเป็นหลังก็นับว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกเท่าไหร่นะครับ เกริ่นมาเยอะ สิ่งที่เฮียจะชวนคุยในบทความนี้คือ เรื่องของโรคที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่ามีอยู่กับโรคที่มากับการเคร่งเครียดอ่านหนังสืออย่าง…

Brain Fag Syndrome

หรือโรคอ่านหนังสือเยอะจนสมองล้า เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและสมอง ค้นพบในทวีปแอฟริกาใต้เป็นครั้งแรก กลุ่มเสี่ยงโดยมากมักเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่ทำงานที่จำเป็นต้องใช้สายตาอ่านหนังสือมากๆ   ซึ่งคนในประเทศโลกที่ 3 ถูกพบว่ามีผู้ที่เป็นโรคนี้มากที่สุด เนื่องจากการเรียนหนักจึงทำให้เด็กวัยเรียนในกลุ่มประเทศนี้เกิดความเครียดจนเกิดภาวะ Brain Fag Syndrome ขึ้น

ความมุ่งมั่นที่มากเกินไป เป็นสาเหตุ

brain-fag-syndrome

ส่วนใหญ่แล้วโรคนี้มีสาเหตุมาจากความมุ่งมั่นบากบั่นที่จะทำอะไรให้สำเร็จ และมีความคาดหวังในระดับสูงมากจนสร้างแรงกดดันให้ตัวเองให้ต้องจดจ่อในสิ่งที่ต้องการมากเกินไป

มีแต่นักเรียน นักศึกษา หรือที่เสี่ยง?

นักเรียน นักศึกษาที่กำลังอยู่ในระหว่างการสอบแข่งขัน หรือต้องคร่ำเคร่งอยู่กับบทเรียนที่ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการทำความเข้าใจ รวมทั้งกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับภาวะกดดัน ก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน

อาการของโรค Brain Fag Syndrome

  • สมาธิบกพร่อง ขาดความสามารถที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อ่านได้
  • จดจำข้อมูลต่างๆได้ไม่ดีเท่าที่ควร
  • เป็นเหน็บชาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดบ่าและไหล่
  • ขี้หงุดหงิด
  • สีหน้าแสดงออกถึงความไม่สบายใจ
  • กระสับกระส่าย
  • การหายใจมีอาการติดขัด
  • วิตกกังวล
  • น้ำหนักลดลงโดยไม่รู้สาเหตุ
  • นอนไม่หลับ
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ
  • เสียงสั่นเครือ
  • เส้นประสาทมีความผิดปกติ
  • ตาพร่ามัว
  • หูอื้อ

หากคุณมีอาการดังที่กล่าวมาแล้วนี้เกิน 5 ข้อขึ้นไป คุณก็มีสิทธิ์ที่จะป่วยเป็นโรค Brain Fag Syndrome แล้ว สำหรับการรักษานั้นในขั้นต้นคือให้หลบหนีจากความเครียดที่ต้องเจอไปสักระยะหนึ่ง ควรนอนหลับพักผ่อนอย่างพอเพียง รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกกดดัน ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกกลัวและมีความเครียดเพิ่มขึ้น แต่หากอาการของโรคค่อนข้างหนักจนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา


 

ในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันเช่นปัจจุบันนี้ การดูแลเอาใจใส่สุขภาพของกายและใจอยู่เสมอยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนอย่างพอเพียง ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ ล้วนเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะต้องเผชิญกับปัญหาใดๆก็ตามที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *