คำว่าทำร้ายหัวใจในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการอกหัก แฟนทิ้ง อย่างที่เข้าใจกัน แต่เป็นเรื่องของการทำร้ายอวัยวะสำคัญชนิดหนึ่งในร่างกายที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ปกติแล้วผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจมากกว่าผู้ชาย เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ละเลยต่อหัวใจดังนี้
ไม่ให้ความสำคัญกับระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ทุกครั้งที่มีการตรวจร่างกาย แพทย์จะแจ้งระดับไขมัน HDL และ LDL เพื่อให้รู้ว่า ขณะนี้ร่างกายของคุณมีไขมันอะไรอยู่ในเลือดบ้าง แต่น้อยคนที่จะตระหนักถึงภัยจากไขมันเหล่านี้ บางคนก็แค่เอาตัวเลขมาอวดกัน แล้วก็ลืมกันไป ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายของเรามีคอเลสเตอรอลสูงถึง 200 mg/dl. ก็เป็นสัญญาณเตือนให้ต้องมีการลดน้ำหนักเพื่อควบคุมไขมันได้แล้ว เพราะถ้ายังปล่อยทิ้งไว้ ไขมันเหล่านี้ก็จะไปอุดตันในเส้นเลือด เป็นเหตุให้เกิดโรคหัวใจวายเฉียบพลันได้
ไม่ยอมตรวจความดันโลหิต
เรื่องของความดัน ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง เพราะหัวใจจะมีขนาดที่โตขึ้น เพื่อรับแรงดันจากเลือดที่สูบฉีดเข้ามาภายในหัวใจ พร้อมกันนี้ หลอดเลือดก็ต้องมีการขยายตัวมากกว่าเดิม จนเป็นเหตุให้มีแตกของหลอดเลือดได้ หลอดเลือดแตกในอวัยวะอื่น ๆ ว่าอันตรายแล้ว หากไปแตกในสมองก็ยิ่งอันตราย เพราะถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว โดยระดับความดันที่ถือว่าสูง อยู่ที่ 140/90 ขึ้นไป
ทานอาหารแบบไม่เลือก
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง หรือเมื่อเลิกงาน ผู้หญิงก็มักจะนัดกันทานอาหารบางชนิดที่ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไร เช่น จิ้มจุ่ม ส้มตำ หมูกระทะ ขนมจีน เป็นต้น อาหารต่าง ๆ เหล่านี้มีไขมันสูง และมีรสชาติที่เค็ม เป็นเหตุให้ระดับไขมันในเลือดสูงมากขึ้น เสี่ยงทั้งโรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจมากขึ้นไปอีก
และนี่ก็คือพฤติกรรมที่จะทำร้ายหัวใจของคุณโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นควรเลิกทำพฤติกรรมเหล่านี้โดยด่วน แล้วคุณจะมีสุขภาพหัวใจที่ดีอย่างแน่นอน แถมยังเป็นการลดน้ำหนักอีกวิธีหนึ่งอีกด้วย