งานวิจัยพบ “โซเดียม” อาจทำเราเสี่ยงเป็นไมเกรนเพิ่มขึ้น

0

หลังจากที่เราพูดคุยกันในบทความเรื่อง ขาดวิตามินเสี่ยงมะเร็งไม่พอ ทำปวดไมเกรนด้วย! ทำให้เราเห็นความสำคัญมากขึ้นในเรื่องของการสร้างสมดุลร่างกาย โดยเฉพาะกับคนที่มีความเสี่ยงมีอาการไมเกรน ล่าสุดมีผลการวิจัยจาก Radiological Society of North America (RSNA) พบว่า…

ผู้ป่วยที่มีอาการไมเกรนมีความเข้มข้นของโซเดียมในร่างกายสูงกว่าคนทั่วไป ตามการศึกษาครั้งแรกเพื่อใช้เทคนิคที่เรียกว่าโซเดียมเอ็มอาร์ไอเพื่อหาในผู้ป่วยไมเกรน

sodium_link_to_migraine-2

ไมเกรนคืออะไร?

สำหรับไมเกรนนั้นเป็นอาการปวดศีรษะประเภทรุนแรง มีอาการคลื่นไส้และอาเจียนเป็นอาการผิดปกติที่พบได้บ่อยที่สุดซึ่งส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ในผู้ป่วยบางคนนั้นไม่มีอาการเตือน เรียกว่า ไมเกรนที่ไม่มีอาการเตือน (Migraine without aura) แต่ในบางรายพบอาการที่แตกต่างออกไป เช่น มีการเปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์ มีการมองเห็นที่ผิดปกติหรือความรู้สึกแปลก ๆ ในร่างกายที่เรียกว่า Auras หรือเรียกอาการว่า ไมเกรนที่มีอาการเตือน (Migraine with aura)

ดังนั้น ผู้ป่วยไมเกรนจำนวนมากจึงไม่ได้รับการวินิจฉัยและไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยรายอื่น ๆ ในทางตรงกันข้ามจะได้รับการรักษาด้วยยาสำหรับไมเกรนถึงแม้จะมีอาการปวดศีรษะประเภทต่างๆ เช่น ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นทั่วๆ ไป ด้วยสาเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการเริ่มต้นวิจัย Cerebral Sodium MRI หาความเข้มข้นของโซเดียมในร่างกายนั่นเอง

sodium_link_to_migraine-1

ซึ่งนักวิจัยพบว่าโซเดียมมีความเข้มข้นในน้ำไขสันหลังในผู้ป่วยไมเกรนมากกว่ากลุ่มควบคุมที่มีสุขภาพดีอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยทีมวิจัยระบุว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการวิจัยเพิ่มเติมต่อไปในอนาคตถึงความเชื่อมโยงของโซเดียมกับอาการไมเกรน

อย่างไรก็ดี ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ได้กล่าวว่า

ร่างกายได้รับโซเดียมสูงจะมีผลกระทบต่อหลายระบบในร่างกาย โดยเฉพาะไตที่ทำหน้าที่ขับโซเดียมต้องทำงานหนัก และเกิดไตเสื่อม เมื่อเป็นมากต้องรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไตโดยวิธีการล้างไตทางช่องท้อง หรือฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเฉลี่ย 240,000 บาทต่อคนต่อปี ไม่รวมค่ายา และค่าใช้จ่ายทางอ้อม

ฝากกันไว้ด้วยนะครับ กับเรื่องของการเลือกทานอาหารในแต่ละมื้อ เพื่อสุขภาพที่ดี!

ที่มา: Migraines linked to high sodium levels in cerebrospinal fluid โดย Radiological Society of North America, Sciencedaily.com

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *