อาหารบางประเภทแม้จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย แต่หากกินเกินพอดี ก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการท้องอืดได้ มีอะไรบ้างมาดูกันเลย

1.โยเกิร์ต

โยเกิร์ตบางชนิดนั้นมีผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากโยเกิร์ตเป็นนมเปรี้ยวที่ได้จากการหมัก และและมีน้ำตาลแล็กโทสอยู่มาก ซึ่งเมื่อรับประทานเข้าไปจะเกิดการหมักอยู่ในลำไส้กลายเป็นฟองแก๊ส ทำให้รู้สึกเหมือนมีลมและปั่นป่วนอยู่ภายในท้อง หากจะเลือกรับประทานควรเลือกชนิดที่มีน้ำตาลแล็กโทสอยู่ในปริมาณน้อย

2.กะหล่ำ

ผักตระกูลกระหล่ำ มีคาร์โบไฮเดรตที่เรียกว่าแรฟฟิโนส ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลชนิดนี้ได้ในระบบทางเดินอาหาร จะย่อยเมื่อถูกลำเลียงไปยังลำไส้ใหญ่ และแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ก็จะทำหน้าที่ย่อย แต่กว่าจะย่อยหมดกากอาหารจากผักก็จะเกิดการหมักหมมจนกลายเป็นแก๊ส การนำไปทำให้สุกก่อนรับประทานจะช่วยให้ย่อยได้ง่ายขึ้น

3.หอมใหญ่

คาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่พบในหัวหอมใหญ่ซึ่งมักสร้างปัญหากับช่องท้องของเรา เรียกว่า ฟรุกแทน ซึ่งมักดูดซึมในลำไส้ได้น้อย และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำในลำไส้ ส่งผลให้เกิดแก๊สและท้องอืดตามมา

4.ถั่ว

ถั่ว จัดเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยให้เป็นน้ำตาลได้ยาก หรือถูกดูดซึมไม่ได้ในลำไส้เล็ก จึงส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด โดยมากมักพบในประเภทถั่วเปลือกแข็งทั้งหลาย จึงควรกินให้น้อยลง

5.ธัญพืช

ในเมล็ดธัญพืชต่างๆมีส่วนประกอบของฟรุกแทน ซึ่งย่อยเองไม่ได้ตามธรรมชาติ และโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน การกินธัญพืชเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุในการทำลายเยื่อบุของลำไส้เล็กและเกิดแก๊สขึ้นในท้อง แต่ถึงจะไม่มีอาการแพ้กลูเตน เส้นใยจากพืชชนิดนี้จะถูกหมักโดยเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่ นำไปสู่การเกิดแก๊สเป็นจำนวนมากอยู่นั่นเอง

และนี่ก็คืออาหารที่กินแล้วทำให้ท้องอืด เพราะฉะนั้นควรกินอย่างพอเหมาะ เพื่อสุขภาพที่ดีเท่านั้น นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารเหล่านี้ในช่วงดึกๆ หรือก่อนนอนเด็ดขาด เพราะจะทำให้นอนไม่หลับ และรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวได้นั่นเอง