เคลียร์ปัญหา วัยทำงาน เสี่ยงภาวะอ้วน ด้วย 8 ทริคการกิน

0

ความที่ต้องอยู่ในภาวะเร่งรีบ จึงทำให้กลุ่มวัยทำงานส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม อาทิ กินอาหารจานด่วนที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ รวมถึงมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ เหล่านี้ล้วนเพิ่มความเสี่ยงให้เกิด “ภาวะอ้วน” ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกาย อยากดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ เริ่มได้ด้วย “การกิน”

 

6

 

จากข้อมูล Health Data Center (HDC) กระทรวงสาธารณสุข (update วันที่ 27 เมษายน 2564) พบว่า คนไทยอายุ 18-59 ปี เป็นคนอ้วนระดับ 1 คือมีค่า BMI 25-29.9 จำนวนร้อยละ 20.31 และอ้วนระดับ 2คือมีค่า BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30 จำนวนร้อยละ 6.22 ผู้ที่เป็นโรคอ้วนจึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและเสี่ยงเสียชีวิตเมื่อป่วยเป็นโรคโควิด-19

 

อย่างไรก็ตามผู้ที่เข้าข่ายภาวะอ้วนลงพุงสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้ ด้วยการกินอาหารให้เหมาะสม และเพิ่มกิจกรรมทางกายในระหว่างวันให้มากขึ้น โดยให้ยึดหลักดังนี้

 

  1. 1. กินอาหารให้เพียงพอสำหรับตนเอง ไม่กินมากเกิน ไม่กินน้อยเกิน
  2. กินอาหารหวานน้อย มันน้อย เค็มน้อย โดยใน 1 วัน กินน้ำมันไม่เกิน 6 ช้อนชา น้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา เติมน้ำปลาหรือซีอิ๊ว ซอสปรุงรสในการปรุงอาหารรวมกัน ไม่เกินวันละ 4 ช้อนชา
  3. ชิมอาหารก่อนปรุง ปรุงให้น้อยที่สุด หรือไม่ปรุงเพิ่มเลยยิ่งดี
  4. หากทำอาหารกินเอง แนะนำให้ใช้สมุนไพรไทย เช่น พริก ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอม กระทียม หรือเครื่องเทศต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติอาหารแทนการเติมน้ำปลา น้ำตาล
  5. กินผักต้ม ผักลวก ผักยำ ผักสด หลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารใส่กะทิ เช่น เนื้อสัตว์ทอด เนื้อสัตว์ติดมัน หนังไก่ แกงกะทิ สลัดน้ำข้น เป็นต้น
  6. กินอาหารสด แทนอาหารแปรรูป (ตัวอย่างอาหารแปรรูป เช่น ผักดอง ผักกระป๋อง ผลไม้ดอง ผลไม้ ตากแห้ง ไส้กรอก ไส้อั่วกุนเชียง หมูยอ เป็นต้น)
  7. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มรสหวานต่าง ๆ เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ชานมไข่มุก กาแฟเย็น เครื่องดื่มสำเร็จรูป เป็นต้น ควรดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด วันละ 1.5–2 ลิตร
  8. หลีกเลี่ยงการกินบะหมี่ โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป หรืออาหารกล่องแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูปจากโรงงานอุตสาหกรรม เพราะมีการใส่ผงปรุงรส ผงชูรส ผงปรุงรส น้ำตาล ไขมัน เกลือโซเดียม เพื่อถนอมอาหาร

 

นอกจากนี้ ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7–9 ชั่วโมง  รวมถึงหมั่นชั่งน้ำหนักและวัดรอบเอวเป็นประจำ โดยเส้นรอบเอวต้องน้อยกว่าส่วนสูงหารสอง ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน ๆ ละ 30 นาที เพื่อลดน้ำหนักและรอบพุง และควรทำมีการเคลื่อนไหวร่างกายขณะทำงานบ้าง เช่น ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ แขน ขา คอ ประมาณ 5 นาที 2 ครั้งต่อวัน เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ ขี่จักรยานหรือเดินไปทำงาน เป็นต้น

 

ช่วงแรกในการปรับพฤติกรรมการกินย่อมยากลำบากและรู้สึกว่าไม่เจริญอาหารเหมือนการกินตามใจปาก แต่หากอดทนทำไปเรื่อย ๆ ร่างกายก็จะเคยชินและยึดติดกับรสชาติอาหารน้อยลง ที่สำคัญสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *