“สาลิกาลิ้นทอง”
พูดชื่อนี้ขึ้นมาเฮียเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะคงเคยได้ยินกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะในทางความเชื่อของบ้านเรานั้น “สาลิกาลิ้นทอง” เป็นพืชที่นิยมปลูกเพื่อให้ผลทางเมตตามหานิยม และมักจะมีคนนำว่านนี้เป็นวัตถุมงคลที่ใส่ในเครื่องรางของขลังด้วยเช่นกันครับ
ที่มาภาพ
โดยลักษณะของ ว่านสาลิกาลิ้นทอง นั้นจะเป็นว่านพวกเดียวกับขมิ้น ลำต้นถ้าดูภายนอกก็จะมองไม่ค่อยออกเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าสาลิกาลิ้นทองนั้นจะมีลำต้นที่เล็กกว่านั่นเองครับ ใบเป็นรูปรี โคนใบแหลมคล้ายใบขมิ้นแต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า ส่วนข้อแตกต่างที่สังเกตได้นั้นก็คือ รอนกลางใบของว่านสาลิกาลิ้นทองจะเป็นสีแดงเข้มจากโคนใบจนถึงปลายใบ
มีกลิ่นหอมเย็นเฉพาะตัว เวลาแตกหัวติดกันเป็นแพใหญ่ๆ จะดูงดงามมาก ดอกสีเหลืองสวยงามสดใสขนาดเล็ก มักออกดอกในช่วงเวลาประมาณปลายหน้าร้อน ก่อนเข้าสู่หน้าฝนของทุกปี
ทั้งหมดที่เฮียนำข้อมูลมาฝากกันนี้เพื่อนๆ ก็อาจสงสัยว่า แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องราวของสุขภาพอย่างไร?
เฮียขอเฉลยว่า จริงๆ แล้ว “สาลิกาลิ้นทอง” นั้นไม่ได้มีดีแค่เป็นว่านที่ใช้เป็นวัตถุมงคลด้านเมตตามหานิยม หรือเป็นว่านเศรษฐกิจเพาะเสริมรายได้เท่านั้น แต่ยังเป็นพืชที่ให้สรรพคุณในเรื่องของสุขภาพ และเป็นสมุนไพรที่คนมาเลเซียนิยมนำมาชงเป็นชาทานกันด้วย
โดยชื่อในภาษายาวีคือ มะจอเต๊ะ หรือนอกจากสาลิกาลิ้นทอง เราอาจเรียกว่า ไทรไข่มุก ก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ดั้งเดิมหมอพื้นบ้านมาเลเซียใช้รักษาอาการสตรีตกเลือดหลังคลอดช่วยให้ระบบเลือดและหัวใจทำงานดีขึ้น ต่อมามีการศึกษาพบว่าสารสกัดจากใบช่วยลดทั้งระดับน้ำตาลในเลือด เคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตได้จึงมีผลดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน ขณะที่พบการทดลองแสดงให้เห็นว่ายังมีสารแอนติออกซิแดนต์สูงอีกด้วย
ปัจจุบันสมุนไพรชนิดนี้ยังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมีการผลิตเป็นชาชงสมุนไพรพบเห็นได้ทั่วไปในมาเลเซีย
