ตำนานการกินบัว โดยเฉพาะรากบัว ในหลายประเทศทั่วเอเชียมีมานานนับพันปี คนจีนดูจะเป็นชาติที่กินบัวกันมานานกว่าชาติอื่น เนื่องจากเชื่อว่าการกินบัวนั้นนับเป็นความมงคลอย่างหนึ่งนั่นเอง ส่วนคนอินเดียใช้รากบัวทำแกงกะหรี่อุดมด้วยเครื่องเทศทำเครื่องดื่มแก้ท้องเดินและแก้ร้อนในที่ดื่มได้ทุกเพศทุกวัย สำหรับคนไทยเราเองก็มีการกินรากบัวเป็นอาหารและยาสืบทอดกันมาเช่นกัน
“ดอกบัว” เปี่ยมประโยชน์ทางยาและอาหาร
คนสมัยก่อนใช้รากบัวเป็นส่วนประกอบของยาหม้อโบราณเพราะมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ช่วยลดอาการร้อนใน คนไข้ที่มีไข้สูง หมอแผนโบราณมักให้ดื่มน้ำต้มรากบัวที่ค่อนข้างเย็น ส่วนคนปกติให้ดื่มน้ำต้มรากบัวแบบอุ่นๆ การกินรากบัวดีต่ออวัยวะภายใน
คนโบราณบอกไว้ว่าดื่มน้ำต้มรากบัววันละ 2-3 แก้วจะช่วยแก้อาการผิดปกติในระบบย่อยอาหารได้ดีเยี่ยม เรียกได้ว่าตั้งแต่อาการท้องเดินไปจนถึงอาการเลือดออกในกระเพราะอาหาร ลำไส้เล็กและช่องทวารหนัก ตลอดจนช่วยเจริญอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการเลือดกำเดา เลือดออกตามไรฟัน ตลอดจนช่วยลดอาการอาเจียนเป็นเลือด ทั้งยังกินแก้พิษอักเสบ แก้ปวดบวม และเป็นยาชูกำลัง
สำหรับคุณค่าทางอาหารรากบัวอุดมไปด้วยธาตูเหล็กช่วยบำรุงโลหิตมีวิตามินอี วิตามิน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงและมีใยอาหารปริมาณมากช่วยแก้อาการท้องผูกได้ดี
หลากวิธีกินรากบัว…. กินสดนำรากบัวอ่อนๆ มาล้างให้สะอาดแล้วสามารถกินสดแบบผลไม้ได้
เครื่องดื่มรากบัว
เครื่องดื่มรากบัวสูตรดั้งเดิมที่ยังคงความนิยมมากที่สุดมาจนถึงปัจจุบันทำง่ายๆเพียงนำรากบัวที่ล้างสะอาดฝานเป็นชิ้น2ถ้วยต้มกับนำสะอาด3ถ้วยและนำตาลทรายแดง เคี่ยวนาน20นาทีเสิร์ฟอุ่นๆกินได้ทั้งเนื้อทั้งนำ
อร่อยกับเมนูสลัด
ปัจจุบันชาวตะวันตกเริ่มรุ้จักเติมรากบัว(ต้มสุกหรือสด)เป็นส่วนผสมหนึ่งในจานสลัดสุดโปรดจนเป็นที่ติดอกติดใจและนิยมกินกันอย่างแพร่หลาย
กับข้าวจานรากบัว
ด้วยคุณสมบัติกรุบกรอบรสชาติกลางๆทำให้รากบัวเข้าได้กับทุกเมนูเราจึงสามารถนำรากบัวมาปรุงอาหารไทยได้เกือบทุกเมนู ทั่งต้ม ผัด แกง ทอด และยำ