โรคภูมิแพ้ (Allergy) คือ โรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อสารกระตุ้นที่ในภาวะปกติแล้วจะไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสรพืช แต่ในโรคภูมิแพ้ ร่างกายจะเกิดการตอบสนองอย่างมากผิดปกติต่อสารเหล่านั้น จึงทำให้เกิดการอักเสบในอวัยวะที่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ (Allergen) นั้นโรคภูมิแพ้จึงเป็นโรคที่ไม่ติดต่อกัน แต่จะถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ จากพ่อแม่ไปสู่ลูก จึงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่พบบ่อยทั่วโลกและในประเทศไทย จากการสำรวจในประ เทศไทยพบว่า มีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้น 3-4 เท่าภายในระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา
ขณะนี้ประเทศไทยมีอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้โดยเฉลี่ยดังนี้ คือ…
โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้/โรคภูมิแพ้ทางจมูกประมาณ 23-30%
โรคหลอดลมอักเสบจากภูมิแพ้หรือโรคหืดประมาณ10-15%
โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ประมาณ 15%
โรคแพ้สารสิ่งอื่นๆ เช่น อาหาร ประมาณ 5%
เนื่องจากภาวะภูมิแพ้บางชนิดมีลักษณะของอาการคล้ายหวัด แต่สาเหตุกลับต่างกันกล่าวคือ คนเป็นหวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในขณะที่หวัดภูมิแพ้เกิดจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ของคนๆ นั้น อาการที่พบคล้ายกัน อาทิเช่นมีน้ำมูกไหล, คันจมูก, จาม, น้ำตาไหลและคันตา
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ยังมักมีแนวโน้มที่จะเกิดการตอบสนองไวกว่าปกติต่อสิ่งกระตุ้นที่ไม่ ใช่สารก่อภูมิแพ้ได้ เช่น ความเย็น ความร้อน ความกดอากาศต่ำ ฝน และ/หรือความชื้น ซึ่งภาวะนี้อาจอยู่นานเป็นวัน หรือเป็นเดือนก็ได้ และสามารถเกิดอาการได้โดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้
สิ่งสำคัญในการดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคภูมิแพ้ ต้องดูแลแบบนี้นะ
หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ การใช้ยาตามแพทย์แนะนำสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายตามแพทย์แนะนำให้สม่ำเสมอ
ส่วนวิธีการป้องกันภูมิแพ้นั้นยังไม่สามารถทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ที่เรารู้แน่ๆ ว่าแพ้ เช่น ในกรณีที่แพ้เกสรดอกไม้ ก็สามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสได้ อาทิ ปิดหน้าต่าง, หลีกเลี่ยงการออกไปกลางแจ้ง, สวมหน้ากากป้องกันการสูดดมสารก่อภูมิแพ้ขณะทำงาน หลีกเลี่ยงการตัดหญ้าเป็นต้น