หากเราอ้าปากส่องกระจกดูตรงคนลิ้นจะพบเนื้อเยื่ออยู่ข้างๆบริเวณโคนลิ้น คือ ต่อมทอนซิล สำหรับคนที่ต่อมทอนซิลอักเสบบ่อยจะพบว่าต่อมทอนซิลโต ต่อมทอนซิลเป็นกลุ่มของเนื้อเยื่อประเภทต่อมน้ำเหลือง ภายในต่อม มีเม็ดเลือดขาวหลายชนิด มีหน้าที่หลักคือการจับและทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายทางทางเดินอาหาร ส่วนหน้าที่รองลงมาคือ สร้างภูมิคุ้มกัน
“โรคต่อมทอนซิลอักเสบ”(Tonsillitis) เป็นภาวะอักเสบของต่อมทอนซิลส่วน “คออักเสบ”(pharyngitis) มักใช้เรียกภาวะอักเสบของเนื้อเยื่อในลำคอที่อยู่บริเวณหลังช่องปากเข้าไป บางครั้งภาวะทั้งสองอาจเกิดพร้อมกันได้
ส่วนใหญ่แล้วโรคต่อมทอนซิลพบมากที่สุดในเด็กอายุก่อน10ปี เพราะหลัง10ปีไปแล้วต่อมทอนซิลจะทำงานน้อยลงหรือไม่ทำงานเลย แต่ในผู้ใหญ่อายุน้อยกว่า 20ปี ก็ยังเป็นโรคต่อมทอนซิลอักเสบได้ ส่วนใหญ่มักจะไม่พบทอนซิลอักเสบในคนไข้วัยกลางคนไปแล้ว
ผู้ป่วยที่มีทอนซิลอักเสบเฉียบพลันจะมีอาการไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ กลืนลำบาก โดยเฉพาะ เวลากลืนอาหารจะเจ็บมาก คนไข้เด็กจะมีอาการน้ำลายไหล เพราะกลืนลำบากทำให้น้ำลายจะไหลลงไปไม่ได้ ก็จะไหลออกมา หรือคนไข้เจ็บคอมากๆ อาจมีอาการอาเจียนหลังจากรับประทานอาหาร เพราะการรับประทานอาหารจะรบกวนลำคอที่เจ็บอยู่
โรคทอนซิลอักเสบเฉียบพลัน อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย พบเชื้อรา หรือเชื้อวัณโรคได้น้อย โรคทอนซิลอักเสบเฉียบพลัน ในเด็กก่อนวัยเรียนมักจะเกิดจากเชื้อไวรัส และติดต่อกันได้ง่าย เพราะไม่รู้จักการป้องกัน การติดต่อเกิดจากการหายใจ ไอ จาม ใช้ภาชนะที่รับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำรวมกัน ส่วนโรคทอนซิลอักเสบเฉียบพลัน ในเด็กโตและผู้ใหญ่มักจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
โรคต่อมทอนซิลอักเสบส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและเกิดจากเชื้อไวรัส ถ้าเป็นไม่มากแค่ติดเชื้อไวรัสอาจจะรอดูอาการสัก 2-3 วัน โดยดื่มน้ำให้มากๆ นอนพักผ่อนให้เพียงพอก็จะดีขึ้น แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ให้ปรึกษาแพทย์
1. มีอาการมากกว่า 4 วันโดยที่อาการไม่ดีขึ้นเลย
2. มีอาการรุนแรงเช่นรับประทานหรือดื่มน้ำไม่ได้เนื่องจากอาการปวด หรือหายใจลำบาก
3. ไข้สูง
4. มีจุดหนองที่ต่อมทอนซิล
5. ต่อมน้ำเหลืองโตและกดเจ็บ