โรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder) หรือ โรคอารมณ์สองขั้วคือ โรคที่มีความผิดปกติของอารมณ์เป็น 2 ขั้ว มีทั้งช่วงที่อารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติ (mania) และบางช่วงที่อารมณ์ซึมเศร้าผิดปกติ (depressed) ฉะนั้นเดิมจึงเรียกโรคนี้ว่า manic-depressive disorder แต่บางคนมีอารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติอย่างเดียว โดยไม่มีอารมณ์ซึมเศร้าก็ได้ – ทำความเข้าใจ “ไบโพล่าร์” โรคที่ผู้ป่วยอาจฆ่าตัวตายได้!!
ในปี 2557 รพ.ศรีธัญญามีผู้ป่วยไบโพลาร์ 9,051* ราย และตามข้อมูลของรพ. ล่าสุดปี 2560 พบผู้ป่วยโรคนี้มากขึ้นเป็น 31,521** คน นับว่าเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และนับว่าเป็นอีกหนึ่งโรคที่เราควรหันมาใส่ใจและสังเกตตัวเองมากขึ้น มาดูกันว่าเราจะสังเกตตัวเองได้อย่างไรบ้าง
1.ไม่มีสมาธิเลย
รู้สึกเหมือนว่าตัวเองสมาธิสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด และมีเหตุผลมาจากอารมณ์ที่แปรปรวนรวดเร็ว ส่งผลต่อเรื่องงานที่อาจทำให้งานไม่เสร็จตามที่วางแผนไว้
2.หงุดหงิดง่ายขึ้น
สืบเนื่องมาจากอารมณ์เช่นเดียวกัน เพราะอารมณ์ที่เหวี่ยงไปมา เดี๋ยวอารมณ์ดีเดี๋ยวซึมเศร้า ทำให้เรารู้สึกจัดการกับอารมณ์ของตัวเองไม่ได้และนำมาซึ่งความหงุดหงิด
3.สังคมจัด เข้าสังคมผิดปกติ
ถ้าโดยปกติเพื่อนๆ เป็นคนเลิกงานกลับบ้าน สุงสิงกับเพื่อนคนอื่นๆ ตามปกติ แต่มาพักหลังๆ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองต้องการสังคมมากขึ้น มีอัธยาศัยกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนมากขึ้น นี่อาจถูกพิจารณาว่าเป็นโรคไบโพลาร์ได
4.ลิ้นรัวมากเวอร์
จะพูดจะคุยอะไรก็ดูรีบไปหมด จนลิ้นพันกันพัลวันผิดปกติ นั่นก็เพราะผู้ป่วยโรคนี้มักมีแนวโน้มคิดหลายเรื่องจึงทำให้พูดรัว พูดเร็ว และสามารถเปลี่ยนหัวข้อที่คุยได้โดยไม่ต้องสัมพันธ์กับเรื่องเดิม
5.ไม่อยากนอน
ถ้าโดยปกติแล้ว เรารู้สึกเพลียกับการนอนไม่พอ แต่มาช่วงหลังเกิดรู้สึกไม่ได้เหนื่อยง่ายหรือว่าอะไรหากนอนน้อย แถมยังรู้สึกไม่อยากนอน อาจเป็นสัญญาณเตือนก็ได้นะ
6.ความต้องการที่มากขึ้น
โดยปกติแล้วผู้ป่วยด้วยโรคไบโพลาร์มักมีแรงกระตุ้นทางเพศมากกว่าคนทั่วไป หรือมีความคิดเรื่องบนเตียงตลอดเวลา ซึ่งในบางรายนั้นส่งผลให้พวกเขาต้องการเซ็กส์ที่เสี่ยงและผิดปกติได้
ถึงแม้จะดูคล้ายกับนิสัยปกติของเราทั่วไป แต่นี่คือ 6 ข้อที่อยากให้ได้ลองสังเกตตัวเองกันสักเล็กน้อย และลองสังเกตคนรอบข้างเราด้วย โดยโรคนี้ไม่ใช่โรคไกลตัวเลยจากตัวเลขที่พบในประเทศไทย
