“โรคเบาหวาน”
เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดเนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพของอินซูลินลดลง เนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง ถือเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งรักษาให้หายขาดได้ยาก และยังก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมามากมายค่ะ
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า
ผู้ป่วยโรคเบาหวานนั้นจะต้องดูแลรักษาตนเองเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการระวังไม่ให้เกิดบาดแผลในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพราะเมื่อเป็นแผลแล้วจะรักษาให้หายได้ช้ากว่าปกติ และอาจจะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน แผลติดเชื้อได้ จนอาจลุกลามไปถึงขั้นการตัดส่วนเนื้ออวัยวะที่ตายทิ้ง
สำหรับในผู้ป่วยบางรายที่เกิดความผิดปกติของหลอดเลือด เนื่องจากเกิดภาวะเส้นเลือดตีบแข็งจนบางครั้งก็อุดตัน ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งในหลอดเลือดแดงใหญ่และหลอดเลือดฝอย ทำให้เกิดแผลขึ้นได้เอง เนื่องจากเนื้อเยื่อขาดเลือดไปเลี้ยง ซึ่งจะพบมากที่ปลายนิ้วเท้าทั้งห้าหรือส้นเท้า จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หมั่นดูแลรักษาสุขภาพจะต้องควบคุมน้ำตาลในเลือดให้พอดี และควรพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
นพ.มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กล่าวว่า
การดูแลรักษาแผล ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน สิ่งสำคัญคือ “ความสะอาด” เนื่องจากโรคเบาหวานนั้นทำให้ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคในร่างกายลดต่ำลง ทำให้แผลหายได้ช้าและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากกว่าปกติ ดังนั้น การทำความสะอาดแผล จึงมีความสำคัญมาก
4 ขั้นตอนดูแลแผลผู้ป่วย “เบาหวาน”
- ควรล้างด้วยสบู่ โดยใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเกลือ ไม่ควรล้างด้วยแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำลายโปรตีนในเนื้อเยื้อ ควรล้างให้เบาที่สุดเฉพาะรอบบริเวณผิวหนังที่เป็นแผลเท่านั้น
- เช็ดให้แห้ง
- ใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีนอย่างเจือจาง
- ปิดแผลด้วยผ้าปิดที่แห้งและผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว ไม่ควรใช้พลาสเตอร์ปิดแผลโดยตรง และควรทำแผล 2-4 ครั้งต่อวัน
ทั้งนี้ ถ้าหากแผลบวมแดงขึ้น มีน้ำเหลืองออกมา แม้ว่าจะไม่มีความเจ็บปวดก็ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อการรักษาอย่างทันท่วงทีนะคะ