ใครที่เป็นแฟนคลับของสาวเซ็กซี่ไซส์มินิ “กิ๊บซี่ วนิดา เติมธนาภรณ์” หรือติดตามข่าวคราวในแวดวงบันเทิงเป็นประจำ เชื่อว่าคงจะผ่านตากันมาบ้างกับการอัพเดทสุขภาพล่าสุดของ “สาวกิ๊บซี่” หลังจากที่ถูกจับตามองว่าทำไมถึงวิ่งเข้าวิ่งออกโรงพยาบาลบ่อยๆ งานนี้เจ้าตัวเลยเคลียร์แบบหมดเปลือกพร้อมเล่าประสบการณ์เฉียดตาย ถุงน้ำในรังไข่แตก!!
โดย “กิ๊บซี่” เล่าว่า มีอยู่วันหนึ่งที่ประจำเดือนมาเยอะผิดปกติ บวกกับก่อนหน้านั้นเกิดอาการนอยด์หลังเห็นก้อนซีสต์ใหญ่เท่าลูกส้มโอ ที่นักแสดงรุ่นพี่ “พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร” เปิดให้ดูเจ้าตัวเลยไม่รอช้ารีบไปตรวจภายในซึ่งผลการตรวจก็พบว่าปกติดี แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะเคยมีอาการถุงน้ำในรังไข่อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเคยรุนแรงถึงขั้นถุงน้ำในรังไข่แตกเลยทีเดียว
ที่มาภาพ
เป็นอาการที่อันตรายมากหากไปพบแพทย์ไม่ทันมีสิทธิ์ช็อกได้ ภายหลังเลยกินยาคุมตลอดเพราะช่วยให้อาการดีขึ้น ฟังสาวกิ๊บซี่เล่าแล้วหลายคนคงรุ้สึกกลัว ว่าแล้วเรามาเจาะลึกเกี่ยวกับ “โรคถุงน้ำในรังไข่” กันดีกว่า เพราะโรคนี้ใกล้ตัวคุณสาวๆ กว่าที่คิดเชียวล่ะ
“โรคถุงน้ำในรังไข่” (PCOS – Polycystic Ovary Syndrome)
เป็นความผิดปกติของคุณผู้หญิง โดยเกิดมีถุงน้ำเล็กๆ กระจายอยู่ในรังไข่โรคนี้พบได้ทั่วไปในผู้หญิงที่มีประจำเดือนไม่ปกติแล้วมีไข่โตเต็มที่พร้อมผสมพันธุ์ แต่ไข่กลับไม่ตกกลายเป็นประจำเดือน แต่ละครั้งที่อาการกำเริบ อาจจะมีไข่หลายใบเกิดค้างในท้อง ค้างรังไปเรื่อยๆ และส่งผลให้น้ำในมดลูกมีปริมาณเพิ่มขึ้น ท้องบวม คล้ายตั้งครรภ์ 1-2 เดือน กรณีคนมีปัญหาเกิดโรคนี้บ่อยๆ จะส่งผลต่อการมีบุตรในอนาคต
สำหรับอาการของผู้ป่วย คือ ปวดเสียด ปวดบิด หรือปวดถ่วง อาจทำให้เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ หากถุงน้ำมีขนาดโตก็อาจจะคลำก้อนได้ในท้อง หรือสัญญาณอื่นๆ เช่น ปวดท้องน้อย ถ่ายปัสสาวะบ่อย ถ่ายอุจจาระลำบากถึงแม้ว่าถุงน้ำรังไข่ จะมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งได้ค่อนข้างน้อย แต่ก็เป็นโรคที่อันตราย เนื่องจากในกรณีร้ายแรงที่ถุงน้ำแตกออกและมีเส้นเลือดฉีกขาดอาจทำให้ตกเลือดได้ และมีโอกาสทำให้เสียชีวิต
การป้องกัน“โรคถุงน้ำในรังไข่” ที่ดีที่สุด คือ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
ทำได้โดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนคลายเครียด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดูแลให้มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานจะช่วยให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนได้อย่างสมดุล ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงตรวจภายใน