เมื่อเอ่ยถึง โรคไข้โอโรพุช เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงไม่รู้จัก แต่ถ้าคุณติดตามข่าวสารเกี่ยวกับโรคและสุขภาพเป็นประจำ น่าจะเคยได้ยินได้เห็นเกี่ยวกับโรคนี้ผ่านหูผ่านตามาบ้าง โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนก่อน ที่มีรายงานการแพร่ระบาดของโรคไข้โอโรพุช ที่ประเทศบราซิล รวมถึงพบผู้ป่วยโรคนี้ เสียชีวิต 2 รายแรกของโลกที่นั่นอีกด้วย
โรคไข้โอโรพุช เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง คือ Oropouche virus (OROV) ไวรัสชนิดนี้เป็นเชื้อประจำถิ่น ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำอเมซอน มีรายงานการพบผู้ป่วยในประเทศแถบอเมริกาใต้ เช่น บราซิล, เปรู, อาร์เจนตินา, โบลิเวีย, โคลัมเบีย และแถบแคริบเบียน เช่น ปานามา, ตรินิแดดและโตเบโก โรคไข้โอโรพุช ไม่ใช่โรคติดต่ออุบัติใหม่ ถูกตรวจพบครั้งแรกในตัวสลอธที่บราซิลเมื่อปี 1960 ติดต่อสู่มนุษย์จากการที่ยุงกัดสลอธแล้วมากัดคนต่อ และมีการตรวจพบผู้ป่วยรายอื่นๆ เพิ่มเติมตั้งแต่นั้นมา โดยการตรวจพบโรคดังกล่าวส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มประเทศภูมิภาคแอมะซอนและลาตินอเมริกา
เชื้อมีระยะฟักตัวโดยทั่วไป คือ 4-8 วัน (อยู่ในช่วง 3-12 วัน) อาการของโรค ได้แก่ ไข้เฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดกระบอกตา และผื่น ประมาณร้อยละ 16 มีอาการเลือดออก (เช่น จุดเลือดออกที่ผิวหนัง เลือดกำเดา และเลือดออกตามไรฟัน) และมีรายงานเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningoencephalitis) แต่พบได้น้อย
การติดต่อของโรคไข้โอโรพุช มีแมลงเป็นพาหะ โดยพาหะนำโรคหลัก คือ ตัวริ้น (Culicoides paraensis) ซึ่งพบมากในทวีปอเมริกา และยุงบางชนิดสามารถเป็นพาหะของไวรัส OROV ได้ เช่น ยุงรำคาญ, Coquillettidia venezuelensis, Mansonia venezuelensis และ Aedes serratus ปัจจุบันยังไม่มีรายงานการพบตัวริ้นที่เป็นพาหะหลักในประเทศไทย รวมถึงยังไม่มีรายงานในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังไม่พบหลักฐานการแพร่ระบาดระหว่างคนสู่คน
กระทรวงสาธารณสุขของประเทศบราซิลรายงาน เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ว่า พบผู้ป่วยโรคไข้โอโรพุช (Oropouche Fever) เสียชีวิต 2 รายแรกของโลกที่ประเทศบราซิล ผู้เสียชีวิตทั้งสองรายเป็นเพศหญิง อายุน้อยกว่า 30 ปี ไม่มีโรคประจำตัว ประวัติช่วงป่วยมีอาการคล้ายไข้เลือดออก โดยข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 พบรายงานผู้ป่วยในบราซิลทั้งหมด 7,236 ราย ซึ่งโรคไข้โอโรพุช พบมากในประเทศแถบลาตินอเมริกาและแคริบเบียน โดยในเดือนมิถุนายน 2567 มีรายงานผู้ป่วยในประเทศโบลิเวีย เปรู คิวบา และโคลอมเบีย ส่วนในประเทศไทยยังไม่เคยพบรายงานผู้ป่วยจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงหลักของการพบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยอาจมาจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปพื้นที่ที่มีการระบาด ซึ่งความเป็นไปได้ยังคงต่ำมาก อีกทั้งความรุนแรงของโรคค่อนข้างน้อย ผู้เชี่ยวชาญทางระบาดวิทยาให้ความเห็นว่า ความเสี่ยงการระบาดของโรคนี้ในไทยค่อนข้างต่ำ แต่ต้องระมัดระวังในกลุ่มผู้เดินทางไปประเทศดังกล่าว ควรป้องกันตนเองไม่ให้ถูกแมลงและยุงกัด สังเกตอาการภายหลังเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงประมาณ 2 สัปดาห์ หากเจ็บป่วยมีอาการคล้ายโรคไข้เลือดออก คือ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะรุนแรง หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อ ควรรีบไปพบแพทย์
ข้อแนะนำสำหรับประชาชนที่เดินทางไปในประเทศไปที่มีรายงานการระบาดของโรคไข้โอโรพุช
1. ป้องกันตนเองระหว่างที่เดินทางในต่างประเทศดังกล่าว ควรสวมเสื้อและกางเกงขายาว เพื่อป้องกันยุงและตัวริ้นกัด
2. ทาโลชั่นกันยุง และหลีกเลี่ยงการในสถานที่ที่มียุงหรือแมลงเยอะ
ทั้งนี้ หากเดินทางกลับประเทศไทยแล้วมีอาการไข้เฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดกระบอกตา และผื่น ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และรีบไปพบแพทย์ เพื่อดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคต่อไป