นอกจากอากาศร้อนในบ้านเราช่วงนี้จะโหดร้ายชนิดที่ว่าสูบเอาเรียวแรงให้อ่านเพลียกันถ้วนหน้าแล้ว ของแถมจากฤดูร้อนที่ทำให้ละเหี่ยใจก็คือ บรรดาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ โดยเฉพาะโรคผิวหนังนานาชนิด อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากแสงแดด ว่าแล้วเรามาล้วงลึกถึงสาเหตุและวิธีป้องกัน “ฝ้า” กันเถอะ
“ฝ้า” (Melasma)
มีลักษณะเป็นปื้นสีดำ หรือน้ำตาล พบบ่อยบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก จมูก รอยคล้ำนี้จะค่อยๆ เข้มขึ้นตามระยะเวลา แสงแดดความเข้มข้นสูงในฤดูร้อนเป็นปัจจัยสำคัญ ที่สามารถกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสี (melanocytes) ทำงานมากขึ้น ผลิตเม็ดสี (melanin) เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้กรรมพันธุ์ การใช้เครื่องสำอางหรือกินยาบางชนิดก็เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า
“ฝ้า” พบได้บ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะในสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่รับประทานยาหรือใช้ยาคุมกำเนิด และสตรีที่รับการรักษาด้วยฮอร์โมน รวมถึงสตรีก่อนวัยหมดประจำเดือน
เนื่องจากระดับของฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงในผู้หญิงที่มีสีผิวค่อนไปทางสีแทนและอาศัยอยู่ในเขตร้อน จะไวต่อการเกิดฝ้ามากกว่าคนในเขตหนาว
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า
- สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ ใส่หมวกปีกกว้างและกางร่ม เมื่อจะต้องออกแดด
- ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด ในช่วงเวลาระหว่าง 10 โมงเช้า – บ่าย 3 โมงเย็น เนื่องจากความเข้มของรังสี UVB และ UVA ที่มายังพื้นผิวโลกจะสูงที่สุด ในช่วงเวลา 11 โมงเช้า – บ่าย 2 โมงเย็น
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF ไม่ต่ำกว่า 30 กันน้ำทนน้ำ และสามารถป้องกันรังสีในช่วงสเปกตรัมที่กว้าง คือป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB และถ้าต้องออกแดดหรืออยู่กลางแจ้ง ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงเพื่อปกป้องผิวตลอดเวลา
- หลีกเลี่ยงไอร้อนจากเตา รังสีจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดฝ้าได้เช่นเดียวกับแสงแดดนอกจากนี้ควรสังเกตตัวเองด้วยว่ากินยาหรือใช้เครื่องสำอางอะไรที่เสี่ยงต่อการเกิดฝ้าหรือเปล่า
แม้ฝ้าจะไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดใดๆ แต่ก็สามารถทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจได้เนื่องจากส่งผลโดยตรงกับผิวพรรณและรูปลักษณ์ จึงควรดูแลตัวเองเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า