อย่าเพิ่งมองเป็นเรื่องไกลตัว และคิดว่า “โรคหัด-หัดเยอรมัน” เป็นโรคของเด็ก เพราะแม้ว่าประเทศไทยจะควบคุมและลดจำนวนผู้ป่วยโรคหัด และหัดเยอรมัน ได้มาก แต่ยังพบการแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างเสี่ยงเป็นผู้ป่วย “โรคหัด-หัดเยอรมัน” เรามาหาวิธีป้องกันตัวจากโรคนี้กันเถอะ!!
โรคหัด (Measles)
เป็นโรคไข้ออกผื่น ที่พบบ่อยในเด็กเล็ก โดยสามารถเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งหากไม่เคยได้รับวัคซีนก็อาจจะทำให้มีความเสี่ยงติดเชื้อจากผู้ป่วยได้ง่าย รวมถึงอาจมีโรคแทรกซ้อนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ส่วนโรคหัดเยอรมัน (German measles) เป็นไข้ออกผื่นอีกชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อไวรัส Rubella พบทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่ ผู้ป่วยจะมีอาการออกผื่นคล้ายโรคหัด แต่เป็นโรคคนละชนิดกัน และมีอาการรุนแรงน้อยกว่าโรคหัด มักจะหายได้เองโดยไม่มีโรคแทรกซ้อน
แต่เป็นโรคที่ต้องระวังเนื่องจากหากเกิดการติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา หรือหากรอดชีวิตมาได้ก็มักพิการ
จากข้อมูลเฝ้าระวังสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่าแม้ว่าอัตราป่วยโรคหัดและหัดเยอรมันในบ้านเราจะลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับอดีต (จากการกำหนดให้วัคซีนป้องกันโรคหัดและหัดเยอรมันแก่เด็กรวม 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเด็กอายุ 9-12 เดือน ครั้งที่สองอายุ 2 ปี 6 เดือน) แต่ยังคงพบการระบาดโรคหัดและหัดเยอรมันเป็นระยะ
และมีแนวโน้มพบในกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เกิดก่อนจะมีการให้วัคซีน และยังไม่เคยป่วยมาก่อน หรือเกิดภายหลังแต่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับวัคซีนไม่ครบถ้วน
การระบาดมีโอกาสพบในสถานที่ที่มีกลุ่มคนอยู่รวมกันเป็นหมู่มาก เช่น โรงงาน เรือนจำ โรงเรียน ค่ายทหาร เป็นต้น
โรคหัดสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเพียงครั้งเดียวในช่วงที่เด็กมีอายุ 9-12 เดือนซึ่งวัคซีนป้องกันนี้ที่มีประสิทธิภาพสูงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ทีเดียวสำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่เคยฉีด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการฉีดวัคซีนเป็นกรณีๆ ไป
ส่วนโรคหัดเยอรมันนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมันตามเกณฑ์เพื่อป้องกันการเกิดโรค ส่วนผู้หญิงที่จะแต่งงาน หรือตั้งใจจะมีลูก ถ้ายังไม่เคยฉีดวัคซีน ต้องฉีดวัคซีนก่อนตั้งครรภ์ อย่างน้อย 28 วัน เพื่อป้องกันโอกาสที่วัคซีนจะทำให้ทารกติดเชื้อได้ ส่วนผู้ที่อยู่ในสถานที่รวมเป็นหมู่มากที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เช่น โรงงาน โรงเรียน ค่ายทหาร อย่านิ่งนอนใจ ควรหาเวลาไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกัน “โรคหัด-หัดเยอรมัน”