ภาวะหัวใจล้มเหลว เป็นภัยเงียบที่คนไทยน้อยคนนักจะรู้ตัวและรักษาได้ทันท่วงที ทั้งยังมีแนวโน้มสูงขึ้นทั่วโลก ปัจจุบันมีผู้ป่วยด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวทั่วโลกประมาณ 26 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ46 ภายในปี พ.ศ. 2573 และมีข้อมูลว่าคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี 1 ใน 5 คนจะมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต
“ภาวะหัวใจล้มเหลว”
คือกลุ่มอาการที่เกิดจากหัวใจทำงานสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่เพียงพอหรือเกิดจากโครงสร้างกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ จนทำให้ขาดประสิทธิภาพในการบีบตัวของหัวใจ
โดยลักษณะอาการจะต่างกันไปในแต่ละอวัยวะที่มีการไหลเวียนเลือดที่ไม่เพียงพอ ได้แก่…
- รู้สึกหายใจไม่ออก รู้สึกเพลียอ่อนแรง
- บวมที่ขาโดยเฉพาะเท้าและข้อเท้า
- หัวใจเต้นเร็ว-เต้นผิดจังหวะ
- ไอเรื้อรังหรือมีเสมหะที่มีเลือดปน
- น้ำหนักตัวขึ้นกะทันหันจากการบวมน้ำคั่งในร่างกาย
- ทั้งยังรวมถึงผลข้างเคียงจากการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจขาดเลือดเฉียบพลันและความดันโลหิตสูง เป็นต้น
สัญญาณเตือนถึงภาวะหัวใจล้มเหลว
- เริ่มหายใจติดขัด หายใจไม่ออก
- มีอาการไอเรื้อรัง หรือมีเสียงขณะหายใจ
- มีอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียได้ง่ายอย่างผิดปกติ
- ขาดความรู้สึกอยากอาหาร หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
- มีความรู้สึกสับสน มีความบกพร่องด้านการคิดวิเคราะห์
- หัวใจเต้นเร็วขึ้น
โดยหากมีอาการตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป แม้ว่าจะยังไม่เคยเป็นโรคทางหัวใจและหลอดเลือดมาก่อนก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
การหลีกเลี่ยงจากภาวะหัวใจล้มเหลวทำได้โดย “การป้องกันตนเองจากความเสี่ยงต่างๆ ที่มีผลต่อการทำงานของหัวใจ” ได้แก่…
โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โรคเบาหวาน การติดเชื้อไวรัส การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ความอ้วน ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ดังนั้นการปรับวิถีชิวิตเพื่อช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวจะช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้เป็นอย่างดี อาทิ การงดสูบบุหรี่ การควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด การออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม รวมทั้งการลดความเครียด