สร้างความตื่นตระหนกให้เหล่าคนรักสุขภาพได้ไม่น้อย กับกรณีที่มีข่าวการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศฮ่องกง โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตถึง 205 ราย ซึ่งการระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ในฮ่องกง เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A (H3N2) ว่าแล้วเราไปทำความรู้จักไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงกันค่ะ
“ไข้หวัดใหญ่ H3N2”
เป็นโรคที่แพร่ระหว่างคนสู่คน เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A (H3N2) สายพันธุ์ สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วไป แต่มีความรุนแรงมากกว่า ระยะฟักตัวของเชื้อโรคประมาณ 1-3 วัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไข้ขึ้นสูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก เบื่ออาหาร บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า…
การระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ในฮ่องกง เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A (H3N2) ยังไม่มีการดื้อยาหรือการกลายพันธุ์ โดยประเทศไทยที่ผ่านมาได้มีการเตรียมมาตรการเพื่อรองรับการแพร่ระบาดไว้แล้ว ซึ่ง สปสช. ได้ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดเตรียมวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง
ในช่วงหน้าฝนที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ทุกปี การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ จะช่วยป้องกันให้ไม่เป็นไข้หวัดใหญ่ หรือหากได้รับเชื้อ ก็จะไม่มีอาการรุนแรง ซึ่งประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถติดต่อเพื่อฉีดวัคซีนได้ ในหน่วยบริการใกล้บ้าน โดยประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ควรไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่
- หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
- เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
- ผู้มีโรคเรื้อรัง คือ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน
- บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
- ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
- ผู้มีน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กก.
ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงข้างต้นนี้ สามารถรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ฟรีที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 สิงหาคม 2560 นะคะ