โรคเกาต์เป็นโรคที่เกิดจากการที่มีกรดยูริกในเลือดสูงเป็นเวลานานและมีการตกผลึกของยูเรตตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่น ข้อ ทำให้เกิดข้ออักเสบ ไต ทำให้เกิดนิ่วในไตและและไตวาย ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับผู้ชายในวัยประมาณ 40 ปี แต่ถ้าเกิดในผู้หญิงมักจะพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนแล้ว
นอกจากนี้การกินอย่างอิ่มหมีพีมันเกินไป กินดีอยู่ดีเกินไป และไม่ค่อยไม่ออกกำลังกาย ก็สุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์
ผู้ป่วยโรคเกาต์มักมีอาการปวด บวม แดง ร้อนตามข้อ และเจ็บ อาจรุนแรงจนถึงกับเดินไม่ได้ก็มี อาการนี้จะเป็น ๆ หาย ๆ จะทิ้งช่วงระยะเวลาเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือเป็นปีก็ได้ ซึ่งอาการปวดอาจจะเป็นข้อเดียวหรือหลายข้อพร้อมกันก็ได้ ข้อที่เป็นบ่อย เช่น ข้อเท้า ข้อหัวแม่เท้าหรือหัวข้อเข่า นอกจากอาการปวดตามข้อแล้วอาจมีอาการของนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้เช่นกัน
สาเหตุของกรดยูริกในเลือดสูงเนื่องมาจากร่างกายสร้างกรดยูริกมากกว่าปริมาณที่ขับถ่าย และจากการที่ร่างกายสร้างกรดยูริกเป็นปกติแต่ปริมาณที่ขับถ่ายออกจากร่างกายน้อยกว่า ส่วนเหตุอีกประการ คือ ทางกรรมพันธุ์จากการขาดเอนไซม์บางตัวหรือเอนไซม์บางตัวทำงานมากเกินไป และประการสุดท้ายเกิดจากโรคบางชนิดที่สร้างกรดยูริกเกิน เช่น โรคมะเร็ง โรคเลือด รวมทั้งจากการดื่มสารที่มีแอลกอฮอล์ การที่มีกรดยูริกในเลือดสูงโดยไม่มีอาการถ้าไม่ได้รับการรักษาจะมีอาการข้ออักเสบโรคเกาต์เฉียบพลัน
ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์สูง ได้แก่…
- เพศชาย อายุช่วงประมาณ 30-45 ปี หรือเพศหญิงในวัยหมดประจำเดือนด้วยสาเหตุดังกล่าวไปแล้ว
- ผู้ที่มีโรคร่วมซึ่งได้แก่ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในโลหิตสูง
- ผู้ที่ดื่มสุราหรือแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ผู้ที่รับประทานอาหารเนื้อสัตว์และอาหารทะเลปริมาณมากเป็นประจำ
- ผู้รับประทานยาบางชนิดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เช่น ยาขับปัสสาวะ
- ผู้ที่มีภาวะไตทำงานบกพร่อง เป็นสาเหตุให้มีการคั่งของกรดยูริกในเลือด
โรคเกาต์เป็นโรคที่รักษาง่าย รักษาหายขาดได้ คือไม่กลับมาเป็นข้ออักเสบอีก ถ้าผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำและรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ โดยแพทย์จะรักษา ดังนี้ รักษาอาการข้ออักเสบเฉียบพลันโดยการใช้ Colchicine หรือยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ งดการบีบนวดตำแหน่งที่เจ็บ รักษาให้กรดยูริกกลับลงมาสู่ปกติ โดยการรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ รับประทานน้ำให้เพียงพอ และควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค