“เป็นลม” (Fainting) เป็นอาการที่เกิดหมดสติเพียงชั่วขณะพบได้ค่อนข้างบ่อยในคนทุกเพศทุกวัย โดยเกิดจากมีการลดลงของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองจากความดันโลหิตต่ำทันที ผู้ป่วยจึงหมดสติ แต่การหมดสติจะเกิดเพียง 1-2 นาทีแล้วผู้ป่วยจะกลับมามีสติทันทีโดยสมบูรณ์(ถ้าหมดสตินานเกิน 6 ชั่วโมงเรียกว่า โคม่า)
สาเหตุของการที่สมองขาดเลือดเลี้ยงเฉียบพลันจนเกิดเป็นลมมีมากมาย ทั้งจากเรื่องที่ไม่รุนแรงเช่น ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยจัด อดนอน หิวข้าว อยู่ในฝูงชนแออัด อากาศไม่พอหายใจ อยู่ในที่ที่อากาศร้อนอบอ้าว
หรือกลางแดดร้อนจัดยืนนานๆ เมื่อนั่งนอนนานๆแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มีอารมณ์ตื่นเต้น ตกใจกลัว หรือเสียใจอย่างกะทันหันไปจนถึงเกิดจากโรคหรือภาวะที่รุนแรง เช่น ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวาน การชัก หายใจหอบเหนื่อย มีเลือดออกมาก การแพ้ต่างๆเช่น การแพ้ยา โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองภาวะดังกล่าวทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอชั่วขณะ ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียน หมดสติไปชั่วครู่ ผู้ป่วยมักจะฟื้นคืนสติได้เอง
การปฐมพยาบาลเมื่อคนรอบข้างเป็นลม
- ให้ผู้ป่วยนอนศีรษะต่ำ (ไม่ต้องหนุนหมอน ยกขาสูง) คลายเสื้อผ้าและเข็มขัดให้หลวมโดยเฉพาะบริเวณคอให้หลวม ๆ เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอ
- จัดให้อยู่ในที่กว้าง ๆ อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อึดอัดอย่ามุงดูผู้ป่วย เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
- ใช้น้ำเย็นเช็ดบริเวณใบหน้า คอ แขนขา และให้ดมยาดม จะช่วยให้รู้สึกตัวเร็วขึ้นแต่ถ้าผู้ป่วยตัวเย็นซีด หรือขณะนั้นอากาศเย็นจัดต้องห่มผ้าให้ร่างกายอบอุ่น
- อย่าให้ผู้ป่วยกินหรือดื่มอะไรขณะที่ยังไม่ฟื้น เพราะจะทำให้สำลักเป็นอันตรายได้
- เมื่อผู้ป่วยเริ่มรู้สึกตัว ให้นอนพักต่ออีกสักครู่ อย่าเพิ่งลุกนั่งเร็วเกินไป อาจทำให้เป็นลมซ้ำอีกได้
- เมื่อผู้ป่วยฟื้นคืนสติและเริ่มกลืนได้ อาจให้ผู้ป่วยดื่มน้ำหรือน้ำหวาน
ผู้ป่วยที่เป็นลมธรรมดา มักจะฟื้นได้เองภายในเวลาไม่กี่นาที แต่ถ้าหมดสติไปนาน หายใจไม่สม่ำเสมอหรือหายใจช้าผิดปกติ ควรนำส่งโรงพยาบาลทันที ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ผายปอดโดยวิธีเป่าปาก แล้วส่งโรงพยาบาลโดยด่วนทั้งนี้ผู้ที่มีอาการเป็นลมบ่อยๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ