โรคตาแห้ง (DRY EYE) คือ การที่ปริมาณน้ำตาที่มาหล่อเลี้ยงให้ความชุ่มชื้นให้กับดวงตาเคลือบกระจกตาดำไม่พอ พบในผู้ป่วยทุกเพศและทุกวัย แต่พบบ่อยมากในผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือน
อาการของโรคที่เกิดขึ้นคือ แสบตา เคืองตา รู้สึกไม่สบายตาเหมือนมีเศษฝุ่นอยู่ในตา เมื่อยตา เจ็บตา ขณะกะพริบตา รู้สึกหนักตา ตาแดง น้ำตาไหลมาก การมองเห็นอาจลดลงหรือมองภาพไม่ชัดเท่าที่ควร ถ้าไม่รีบทำการรักษาจนมีอาการเรื้อรัง อาจทำให้เกิดการดวงตาติดเชื้อหรืออักเสบได้
สาเหตุของการเกิดตาแห้งยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ผลการวิจัยพบว่ามีหลายปัจจัย ได้แก่
- อายุ เมื่อสูงวัยร่างกายเราจะสร้างน้ำตาลดลง โดยเฉพาะเพศหญิงวัยหลังหมดประจำเดือน
- การทำงานของเปลือกตาบกพร่อง เช่น หลับตาไม่สนิท กระพริบตาน้อย เปลือกตาผิดรูป
- ยาบางชนิด อาจทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ เช่น ยากลุ่มแอนตี้ฮิสตามีน ยากล่อมประสาท ยาทางจิตเวช
- ใช้สายตา ติดต่อกันป็นเวลานานๆ เช่น การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ การอ่านหนังสือ
- สภาพแวดล้อม ที่มีฝุ่นละอองมาก มีหมอก มีควัน มีลมพัดแรง รวมถึงห้องปรับอากาศที่มีอากาศแห้ง
- คอนแทคเลนส์ การใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่มีคุณภาพ
- โรคบางชนิด อาทิ โรค Sjogren’s Syndrome โรคเบาหวาน กลุ่มอาการ Stevens-Johnson
ข้อควรปฏิบัติเพื่อการป้องกัน
- หลีกเลี่ยงสภาวะแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะตาแห้ง อาจป้องกันโดยสวมแว่นกันแดดกันลม
- ควรพยายามกระพริบตาอย่างน้อย 10-15 ครั้ง/ นาทีหากต้องใช้สายตานานๆ
- ดื่มน้ำให้มากๆ และรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอสูง เช่น ผักสีเขียว ผักบุ้ง มะละกอ และแครอท
- ใช้น้ำตาเทียม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นกับดวงตาและบรรเทาอาการตาแห้ง หากอาการตาแห้งไม่ดีขึ้นควรพบจักษุแพทย์โดยด่วน