ทำเอาคนรักสุขภาพเกิดอาการสยองกันถ้วนหน้า หลังจากที่สื่อชั้นนำ “เดอะซัน” เผยภาพชวนคลื่นเหียน ที่ทีมแพทย์จีนผ่าตัดเอาก้อนนิ่วกว่า 200 ก้อนออกจากถุงน้ำดีของสตรีรายหนึ่ง งานนี้ใครมีนิสัยไม่ชอบหม่ำมื้อเช้าต้องระวัง เพราะคาดว่าสาเหตุของการเกิดนิ่วมาจากการที่เธอไม่กินอาหารเช้ามานานหลายปีค่ะ
จากข่าวระบุว่าผู้ป่วยนามว่านาง Chen วัย 45 ปี เล่าว่าเธอเริ่มปวดท้องเรื้อรังมานานหลายปีแล้ว แต่ด้วยความกลัวจึงไม่เดินทางมาพบแพทย์ กระทั่งตามความเจ็บปวดทวีความรุนแรงขึ้นจนทนไม่ได้ ต้องเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล Guangji ในเมือง Hezhou และผลตรวจพบว่าเธอมีก้อนนิ่วในถุงน้ำดีจำนวนมาก จากนั้นทีมแพทย์จึงได้ผ่าตัดเอาก้อนนิ่วออกจากถุงน้ำดีและท่อน้ำดี โดยบางก้อนมีขนาดใหญ่เท่าไข่
Quan Xuwei หนึ่งในทีมแพทย์ผู้ผ่าตัด เปิดเผยว่าก้อนนิ่วจำนวนมากในท้องของคนไข้อาจมีต้นเหตุจากการที่เจ้าตัวไม่รับประทานอาหารเช้ามานานกว่า 8 ปี ทั้งยังต้องเหนื่อยยากตรากตรำเดินทางจากที่ทำงานกลับบ้าน บ่อยครั้งที่อ่อนเพลียเกินไปกว่าจะปรุงอาหารกินในตอนค่ำ พฤติกรรมเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นบ่อยๆ ทำให้น้ำย่อยในถุงน้ำดีและท่อน้ำดีแข็งตัวกลายเป็นตะกอนจับตัวเป็นก้อนนิ่วกว่า 200 ก้อน
การไม่รับประทานอาหารเช้ากับการเป็นโรคนิ่วฟังดูไม่น่าเกี่ยวกัน แต่จากข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่ามันมีความสัมพันธ์กัน เพราะการไม่ทานอาหารนับสิบชั่วโมง จะทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจับตัวกันนานเกินไป ยิ่งนานเข้าสิ่งที่จับตัวกันนั้นจะกลายเป็นก้อนนิ่ว แต่ถ้ากินอาหารเช้าเข้าไป อาหารเช้าจะไปกระตุ้นให้ตับปล่อยน้ำดีออกมาละลายคอเลสเตอรอลที่จับตัวกันได้ด้วย
ทั้งนี้ อาการของโรคนิ่วถุงน้ำดีมีตั้งแต่ท้องอืด อาหารไม่ย่อย แน่นท้องหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ไข้สูงเฉียบพลัน บางครั้งนิ่วไปอุดท่อถุงน้ำดี ทำให้มีอาการปวดแบบปวดดิ้น หรือถ้านิ่วตกลงไปอุดท่อน้ำดีใหญ่ จะทำให้มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ตับอ่อนอักเสบ ซึ่งมีอันตรายรุนแรงถึงชีวิตได้ แต่ในบางรายอาจตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดีแต่ไม่มีอาการได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้เป็นนิ่ว ได้แก่ พันธุกรรม, ภาวะอ้วน, ฮอร์โมนเอสโตรเจน, การตั้งครรภ์, เพศหญิง, ผู้สูงอายุ, การกินยาลดไขมัน, การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว, โรคเบาหวาน