ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับเทศกาลกินเจ ที่กำลังจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 13-21 ตุลาคมนี้ โดยเทศกาลดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อตอบสนองความเชื่อของชาวจีนที่ว่าการงดเว้นจากการรับประทานเนื้อสัตว์ในช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นการชำระล้างร่างกายและจิตใจ จึงจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต
แม้จะมีหลายงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า การกินเจอย่างถูกวิธีนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เป็นต้นว่า…
- ช่วยลดน้ำหนัก
- ช่วยปรับระดับคอเลสเตอรอลให้เหมาะสม
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ อาทิ โรคมะเร็ง โรคเบาหวานชนิดที่สอง และโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
แต่ในขณะเดียวกันการกินเจที่ไม่สมดุลก็อาจนำมาซึ่งโรคต่างๆ รวมถึงมีความสัมพันธ์กับโรคบางโรคได้เช่นกัน
โรคสำคัญที่อยากจะพูดถึงก็คือ “โรคอ้วน”
หลังจากเทศกาลกินเจหลายคนประสบปัญหามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น สาเหตุมาจากการรับประทานอาหารเจที่ไม่สมดุล รวมถึงไม่ถูกหลักโภชนาการ อาหารเจส่วนใหญ่นั้นทำมาจากแป้งเป็นหลัก และมักปรุงด้วยวิธีผัดหรือทอด
เมื่อรับประทานในปริมาณมากๆ จะทำให้เกิดการสะสมของไขมัน และมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคต่างๆ อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ นอกจากนี้หากคุณมีโรคประจำตัวยอดฮิตอย่างเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและไขมันในเลือดสูง ควรระมัดระวังในการกินเจเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นเรื่อง แป้ง น้ำตาล น้ำมัน และรสเค็มจัดหวานจัด ที่เป็นตัวกระตุ้นให้อาการของโรคหนักหนามากขึ้น
การกินเจที่ถูกวิธีนอกจากต้องงดบริโภคผักทั้ง 5 ชนิด คือ กระเทียม, หัวหอม, หลักเกียว, กุ้ยช่าย และใบยาสูบแล้วเพื่อสุขภาพที่ดีควรยึดหลักที่เรียกว่า…
กินเจแบบ 4 ล.
- ล้าง (ล้างวัตถุดิบที่นำมาปรุงประกอบอาหารเจ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ให้สะอาด)
- ลด (ลดอาหารที่มีรสจัด ไม่ว่าจะหวานจัดหรือเค็มจัด)
- เลี่ยง (เลี่ยงอาหารเจที่มีแป้งมาก และเลี่ยงอาหารประเภทผัด ทอด เพราะมีไขมันสูง ทำให้เกิดไขมันสะสมไปจนถึงน้ำหนักเกินได้)
- เลือก (เลือกอาหารที่มีถั่วหรือผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร) เท่านี้คุณก็จะอิ่มบุญสุขกายสบายใจอย่างมีสุขภาพดีในเทศกาลกินเจ