การศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร JAMA Internal Medicine ได้ข้อสรุปว่า 14% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 กำลังทดสอบระดับน้ำตาลในเลือดของตนบ่อยเกินไป โดยข้อสรุปดังกล่าวเกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จำนวนมากที่รักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานในชีวิตประจำวัน
สมาคมแพทย์ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ American Academy of Family Physicians, Society of General Internal Medicine และ Endocrine Society กำลังสนับสนุนการให้กำลังใจผู้ป่วยในการทดสอบน้ำตาลในเลือดน้อยลงมากกว่าเดิม
ในเวลาเดียวกันมีความกังวลผลการศึกษาเล็กๆ นี้อาจทำให้เข้าใจผิดและเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวนมากทำให้พวกเขาเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องทดสอบระดับน้ำตาลในเลือดบ่อยๆ ซึ่งการทดสอบน้ำตาลในเลือดเป็นประจำถือว่ายังคงเป็นส่วนสำคัญในการช่วยตระหนักถึงภาวะน้ำตาลในเลือดของคนเป็นโรคเบาหวาน
แล้วต้องตรวจบ่อยแค่ไหนถึงจะพอ?
“มีอยู่สองด้าน ผู้ป่วยบางคนทดสอบเพียงเพื่อทดสอบเพราะแพทย์ของพวกเขาแนะนำว่าให้ทำ แต่ถ้าไม่มีใครกำลังมองหาที่บันทึกน้ำตาลในเลือดและผู้ป่วยเองไม่ทราบวิธีการตีความก็อาจเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น”
Lisa Harris, CDE, RN จาก Rush University Medical Center ในชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ กล่าว แต่แฮร์ริสกล่าวว่าผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 และแม้แต่ผู้ป่วยโรค prediabetes ก็จะได้รับประโยชน์จากการทดสอบบ่อยขึ้นไม่น้อย พร้อมกับการศึกษาและการสนับสนุนโรคเบาหวานที่ดีขึ้นด้วย
นอกจากนี้เธอยังหวังที่จะเห็นจอภาพกลูโคสแบบต่อเนื่องที่ให้แก่ผู้ป่วยเป็นเวลา 2-3 วันในเวลาไม่นานหลังจากการวินิจฉัยโรค prediabetes หรือโรคเบาหวานประเภท 2 เพื่อสามารถมองเห็นความผันผวนของระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ดี สำหรับการศึกษานั้นยังจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาเพิ่มเติม หากเพื่อนๆ เป็นโรคเบาหวาน ควรทำทุกอย่างให้เป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์จะดีที่สุด
ที่มา: How Often Should a Person with Type 2 Diabetes Test Their Blood Sugar? โดย Healthline.com
