“โรคเบาหวาน” เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ทำให้ปัสสาวะบ่อย และอาจจะพบว่าปัสสาวะมีมดตอม หิวน้ำบ่อย กินเก่ง หิวเก่ง แต่น้ำหนักจะลดลง นอกจากนี้ผู้ป่วยเบาหวานมักมีปัญหาผิว ซึ่งหากไม่ดูแลผิวให้ดีอาจลุกลามจนกลายมาเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการพิการหรือเสียชีวิต
5 วิธีดูแลผิวสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
1. หลีกเลี่ยงการใช้และดื่มน้ำอุ่นจนถึงร้อน
ผิวหนังของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ถือเป็นผิวหนังที่มีความอ่อนแออย่างมาก จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้และดื่มน้ำร้อน เนื่องจาก อาจส่งผลทำให้เกิดแผลน้ำร้อนลวกได้ เสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อในเวลาต่อมา ควรอาบน้ำอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น และไม่ควรอาบน้ำนานเกินไป ใช้สบู่อ่อน ๆ ทำความสะอาดร่างกาย ไม่ควรทำการขัดผิวด้วยแปรงหรือหินขัดผิว หลังจากอาบน้ำเสร็จ เช็ดตัวให้พอหมาด แล้วควรทาโลชั่นทันทีเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น ลดอาการแห้งคันของผิว
2. ทาโลชั่นบำรุงผิวเพื่อป้องกันผิวแห้งมากเกินไป
ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังจากเบาหวานที่มีผลต่อระบบประสาทออโตโนมิค ทำให้มีเหงื่อหลั่งได้น้อยลง จึงทำให้ผิวแห้งแตกง่าย เสี่ยงทำให้เกิดแผลตกสะเก็ดและติดเชื้อ จึงควรทาโลชั่นเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น เช่น ฮีรูดอยด์ แคร์ โลชั่น (Hirudoid Care Lotion) เนื้อโลชั่นซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ อาทิ เสจ, สารสกัดจาก St.John’s wort , ฟลาโวนอยด์ไกลโคไซด์, วิตามิน C & P ฯลฯ ช่วยปลอบประโลมผิว บำรุงผิวให้ดูเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น แลดูสุขภาพดี
3. อย่าปล่อยให้ผิวอับชื้น จนเกิดเชื้อรา
การติดเชื้อราโดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานที่น้ำตาลควบคุมไม่ดี ทำให้การทำงานของเม็ดเลือดขาวในการกำจัดเชื้อโรคลดลง ทำให้มีการติดเชื้อที่ผิวหนังมากขึ้น เช่น มีการติดเชื้อราแคนดิดา และกลากทำให้มีอาการคัน โดยเฉพาะบริเวณที่มีการอับชื้น เช่น บริเวณง่ามนิ้วเท้า ใต้ฐานหน้าอก ขาหนีบ หรือบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งสามารถป้องกันและรักษาโดยการดูแลรักษาความสะอาดบริเวณดังกล่าวและเช็ดให้แห้งสนิททุกครั้ง หมั่นดูแลไม่ให้อับชื้น และใช้ทาฆ่าเชื้อราเฉพาะที่
4. ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
ทาครีมกันแดด โดยเน้นที่บริเวณลำคอและหลัง รวมทั้งบริเวณหนังศีรษะของผู้ที่มีผมบาง เพื่อป้องกันผิวไหม้ที่อาจเกิดจากการโดนแสงแดดทำร้าย นอกจากนี้ควรปกป้องริมฝีปากและดวงตาด้วยการทาลิปบาล์มสูตรกันแดดและสวมแว่นกันแดด
5. ห่างไกลของมีคมทุกชนิด
หลีกเลี่ยงของมีคมทุกชนิด เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดแผลบนผิวหนังของผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว หากเป็นแผลตื้นๆ อาจทำแผลด้วยตัวเองโดยใช้น้ำเกลือทำความสะอาด แล้วทาแผลด้วยยากลุ่มโพวิโดนไอโอดีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อน และปิดแผลให้เรียบร้อย ห้ามใช้แอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวเกิดแห้งและติดเชื้อได้ง่าย แต่ถ้าบาดแผลลึก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ที่สำคัญ อย่าลืมดื่มน้ำให้มาก ๆ อย่าปล่อยให้กระหายน้ำ การดื่มน้ำปริมาณมากจะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ช่วยป้องกันและบรรเทาปัญหาผิวที่เกิดกับผู้ป่วยโรคเบาหวานได้
