ผิวหนังรอบดวงตา เป็นผิวหนังที่บางที่สุดในร่างกาย โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณเปลือกตาหรือหนังตา โดยใต้ผิวหนังถัดจากรอยตา 2 ชั้นขึ้นไป มีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันรวมทั้งไขมันอยู่ ทำให้ผิวหนังเหนือรอยตา 2 ชั้นขึ้นไป ค่อนข้างหลวม ยืดหยุ่นได้มาก อีกหนึ่งปัญหาที่มักเกิดขึ้นเมื่อเราอายุมากขึ้นก็คือ “ภาวะหนังตาบนหย่อน”
ผิวหนังบริเวณเปลือกตาเป็นส่วนที่สัมผัสกับแดด ลม ฝุ่น รวมถึงเคลื่อนไหวแทบจะตลอดเวลาจากการที่เราต้องกระพริบตา นอกจากนี้ การใช้เครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตา ความเสื่อมของร่างกายจากอายุที่มากขึ้น อาหารที่รับประทาน เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยทำให้เกิดภาวะหนังตาบนยืดมากเสมือนหนึ่งหนังบริเวณนี้มีมากเกินไป
จึงเกิดการหย่อนหรือการยาน ร่วมกับไขมันหลังลูกตาปูดออกมาด้วย จึงทำให้เกิด “ภาวะหนังตาหย่อน (Dermatochalasis)” โดยภาวะหนังตาหย่อนนี้ มักเกิดกับหนังตาบน เรียกว่า “หนังตาบนหย่อน”และเมื่อเกิดกับหนังตาล่าง เรียกว่า “ถุงใต้ตา”
อาการของหนังตาบนหย่อนที่ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ ได้แก่…
- 1ตาเล็กลง คล้ายๆ คนหลับตาตลอดเวลา เนื่องจากหนังตาบนหย่อนลงมาปิดตาดำมากกว่า 1 มิลลิเมตร โดยเกิดจากหนังตาส่วนที่หย่อน ย้อยลงมาปิด
- ดวงตาดูไม่มีชีวิตชีวา เซื่องซึม เหมือนคนเหนื่อยล้า อิดโรย มีตาปรือตลอดเวลา
- ปวดหัวคิ้ว ปวดหน้าผาก เนื่องจากพยายามลืมตาให้มากขึ้นด้วยการใช้กล้ามเนื้อบริเวณหัวคิ้วและหน้าผาก ช่วยยกหนังตาบนขึ้นตลอดเวลา จึงก่ออาการปวดเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อนั้นๆ
- เดิมเคยมีตา 2 ชั้น แต่ตา 2 ชั้นหายไป ต้อง การทำให้มีตา 2 ชั้น ดังเดิม
- สายตามัวลงโดยเฉพาะทางด้านข้าง เพราะหนังตาบนหย่อนลงมาบัง
- ทำให้ขนตาถูกกดเข้าใน จึงเข้ามาเขี่ยถูกตาดำหรือกระจกตา ที่เรียกว่า “ภาวะขนตาเกเข้า” ส่งผลทำให้ตาดำอาจเกิดเป็นแผลได้ หากมีอาการนี้ควรรีบไปพบแพทย์เพราะถือเป็นอาการของหนังตาบนหย่อนที่ร้ายแรงที่สุด
หนังตาบนหย่อนนี้ สามารถรักษาได้ด้วยวิธีผ่าตัดตกแต่งหนังตาและเพราะการผ่าตัดย่อมมีความเสี่ยง จึงควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ