กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis หรือ Lower urinary tract infection) เป็นโรคที่พบบ่อยในสตรี โดยเฉพาะในช่วงอายุ 20-50 ปี
ทั้งนี้เพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นกว่าผู้ชายและอยู่ใกล้กับทวารหนัก เชื้อแบคทีเรียบริเวณทวารหนักจึงมีโอกาสสูงที่เคลื่อนเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการฟักตัวและอักเสบได้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจะเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการขับถ่ายปัสสาวะไม่ถูกวิธีเป็นหลักฉะนั้นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจึงมักเกิดกับเหล่าคนนั่งโต๊ะทำงานหรือพนักงานออฟฟิศซึ่งจำเป็นต้องอั้นปัสสาวะเป็นระยะเวลานานๆ หรือรีบเร่งเบ่งปัสสาวะ
อาการผู้ที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบนั้น จะรู้สึกขัดๆ หลังจากปัสสาวะ ปวดปัสสาวะบ่อย แต่ปัสสาวะกะปริดกะปรอยหรือปัสสาวะออกไม่หมด และอาจจะมีอาการอื่นๆ อย่าง แสบร้อน ปวดบริเวณท้องน้อย ร่วมอยู่ด้วยในขณะปัสสาวะ บางรายมีไข้ขึ้น ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น สีขุ่นไม่ใสหรือมีลักษณะคล้ายเลือดปนออกมา
แม้ว่าผู้ป่วยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบมักจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แต่บางคนอาจเป็นๆ หายๆ หรือเป็นเรื้อรัง ถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามทำให้กลายเป็นโรคกรวยไตอักเสบ หรือไตวายได้ หากผู้ป่วยเป็นผู้ชายและมีอาการรุนแรง เชื้อก็อาจลามเข้าไปทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบได้
การป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
1. หมั่นรักษาความสะอาดบริเวณช่องคลอด ท่อปัสสาวะและทวารหนัก
2. สำหรับผู้หญิงที่ปัสสาวะเสร็จ หรืออุจจาระเสร็จ ควรให้ทำความสะอาดอวัยวะเพศจากหน้าไปหลัง เพราะหากล้างจากหลังมาหน้า อาจทำให้มีเชื้อโรคเข้ามาจากทางทวารได้
3. บางครั้งแบคทีเรียเมื่อหลุดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะแล้ว ต้องใช้เวลาในการฟักตัวของเชื้อ ซึ่งการดื่มน้ำมากขึ้นจะสามารถขับแบคทีเรียออกมาได้
4. ไม่ควรกลั้นปัสสาวะไว้เป็นระยะเวลานานๆ เพราะการกลั้นปัสสาวะนานเป็นปัจจัยในการส่งเสริมให้เชื้อแบคทีเรียมีระยะฟักตัวในกระเพาะปัสสาวะนานขึ้นยิ่งทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย
5. ไม่ควรเร่งรีบเบ่งปัสสาวะ ควรปล่อยปัสสาวะตามสบายจนกว่าปัสสาวะจะหมด
6. ผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบบ่อยๆ เรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุแอบแฝงอื่นๆ เช่น นิ่ว กระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติจากระบบประสาทควบคุม หรือมีอาการอุดตันในกระเพาะปัสสาวะ