“ปวดศีรษะ” เป็นอาการเป็นอาการทางระบบประสาทที่พบได้บ่อยที่สุดแทบทุกคนต้องเคยประสบพบเจอ ส่วนจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยปลีกย่อยต่างๆ ตามแต่ละบุคคล นอกจากนี้อาการปวดศีรษะยังแบ่งแยกย่อยได้เป็นหลายชนิด
ซึ่งแต่ละชนิดจะมีลักษณะเด่นและสาเหตุแตกต่างกัน หนึ่งในนั้นคือ…
“อาการปวดศีรษะคลัสเตอร์” หรือ “โรคปวดศีรษะคลัสเตอร์”
คือ หนึ่งในชนิดของโรคปวดศีรษะที่พบบ่อยๆโรคปวดศีรษะข้างเดียวที่มีอาการรุนแรงมาก เป็นๆ หายๆ ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอันตราย ตำแหน่งที่ปวดคือบริเวณหลังตาหรือบริเวณขมับ ลักษณะปวดคล้ายถูกเข็มแทง
พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะในช่วงอายุ 20-40 ปี และมักพบโรคนี้ในผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์จัด
“โรคปวดศีรษะคลัสเตอร์” เกิดจากความผิดปกติของต่อมไพเนียลและนิวเคลียส (Nucleus) ของเซลล์ประสาทสมองที่ 5ทำให้ระบบการส่งฮอร์โมนและสารสื่อประสาทปรวนแปร ส่งผลกระทบให้ประสาทสัมผัสอัตโนมัติที่ควบคุมการทำงานของต่อมน้ำลาย ต่อมน้ำตา และน้ำมูกทำงานผิดปกติ รวมทั้งปล่อยสารเคมีบางชนิดไปที่เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก ทำให้เกิดอาการปวดหัวในเวลาต่อมาส่วนปัจจัยกระตุ้นทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ นอนไม่หลับ การใช้ยาไนโตรกลีเซอรีน การสัมผัสสารไฮโดรคาร์บอน
อาการปวดศีรษะในแต่ละครั้งจะเป็นช่วงเวลาไม่นาน ราว 5 นาที หรือสูงสุด 3 ชั่วโมง อาการปวดรุนแรงแบบข้างเดียว ซึ่งมักจะปวดตุบๆที่กระบอกตา หรือรอบๆ ตา หรือที่บริเวณขมับ และมักจะเป็นข้างเดียวแต่จะรู้สึกปวดหัวแบบทรมานเหมือนจะตายเลยทีเดียว อาการปวดจะเกิดขึ้นบ่อยแต่เป็นเวลาที่แน่นอน และมักจะมีอาการน้ำตาไหลข้างเดียวและมีเส้นเลือดแตกในตา ทำให้เกิดอาการตาแดง
โรคปวดหัวคลัสเตอร์สามารถรักษาและบรรเทาอาการได้โดยใช้ยากลุ่มทริปเทนต์ (Triptan) หรือยารักษาโรคไมเกรน และการสูดดมออกซิเจน ขนาด 10 ลิตรผ่านหน้ากากให้ออกซิเจนก็ได้โรคนี้จะไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ ทั้งสิ้นแม้จะปวดรุนแรงและเรื้อรัง แต่อาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงนี้มักมีผลต่อจิตใจ เป็นอุปสรรคต่อการทำกิจวัตรประจำวัน และการออกสังคมถ้าทิ้งไว้นานอาจจะส่งผลให้เกิดการฆ่าตัวตายได้