เมื่อลมหนาวมาเยือนทำให้ร่างกายต้องปรับสภาพให้เข้ากับอุณหภูมิที่ลดลง หากร่างกายปรับสภาพไม่ทันอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะช่วงที่มีลมหนาวสลับกับอากาศร้อนหรือฝนที่ตก มักทำให้เกิดโรคที่มาจากไวรัส ซึ่งแสดงออกผ่านทางผิวหนัง
ว่าแต่ 3 โรคผิวหนังจากเชื้อไวรัสที่มักป่วยกันมากจะมีโรคอะไรบ้างล่ะ?
1.โรคสุกใส
หรืออีสุกอีใส เกิดจากเชื้อไวรัสสามารถติดต่อได้ทางอากาศ น้ำมูก น้ำลาย สัมผัสถูกตุ่มแผลสุกใสโดยตรง หรือการใช้ของร่วมกับผู้ป่วย เป็นโรคที่สามารถติดต่อได้อย่างรวดเร็วมาก อาการที่แสดงออกจะเริ่มจากการปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย อาจมีไข้หรือไม่มีไข้ ต่อมาจะเริ่มมีผื่นแดง เม็ดเล็กๆคันมาก ต่อจากนั้นภายใน 1 วันจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆขึ้นตามผิวหนัง โดยมากโรคสุกใสมักเกิดกับเด็กเล็กๆ วัยรุ่น ไปจนถึงในวัยหนุ่มสาว แต่หากเกิดกับผู้ใหญ่มักมีอาการรุนแรงและมีโรคแทรกซ้อน
2. โรคงูสวัด
เกิดจากเชื้อไวรัส ชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคสุกใส โดยเมื่อติดเชื้อครั้งแรกจะทำให้เป็นโรคสุกใส และเมื่อหายแล้ว เชื่อจะยังอยู่ในร่างกายตลอดไป หลบอยู่ตามปมประสาท รอเวลาร่างกายอ่อนแอ ไวรัสที่แฝงอยู่จะกลับมาอีกครั้งในรูปแบบของโรคงูสวัด อาการของโรค มักจะมีปวดเมื่อยเนื้อตัว อาจมีไข้หรือไม่มีไข้ ปวดแปลบหรือปวดแสบร้อนในบริเวณที่เป็น รวมถึงอาจมีอาการคันและแสบ ร้อน จากนั้นจะเริ่มมีตุ่มน้ำใสๆ เป็นกระจุกปนปื้นแดงขึ้นเป็นแนวยาวๆ พบได้บ่อยบริเวณลำตัว
3.โรคเริม
เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม HERPES (Hsv–1/Hsv-2) เริมจะมีลักษณะเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำขนาดเล็กๆ พบได้บ่อยที่บริเวณเนื้ออ่อนๆ เช่น ริมฝีปากอวัยวะเพศ ก้น ผู้ป่วยมักมีประวัติเป็นซ้ำๆ บริเวณเดิมๆ เมื่อติดเชื้อเริมมักไม่มีอาการอะไร แต่เชื้อจะอยู่ในตัวตลอดชีวิต ในปมประสาท รอจนเมื่อร่างกายอ่อนแอลงจึงแสดงอาการเมื่อติดเชื้อผู้ป่วยจะมีไข้ ปวดเมื่อย ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ หากเคยเป็นมาบ่อยๆ ผู้ป่วยอาจมีอาการเพียงเจ็บๆ คันๆเท่านั้น และมักมีประวัติเครียด พักผ่อนไม่พอ ร่างกายอ่อนแอก่อนที่ตุ่มน้ำจะขึ้น
ในส่วนของการรักษาโรคทั้ง 3 นั้น หัวใจสำคัญคือ การรีบไปพบแพทย์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ส่วนแนวทางการป้องกันนั้น ทำได้โดยดูแลสุขอนามัยและสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
