ลมหนาวมาเยือนทีไร กิจกรรมยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวคงหนีไม่พ้นการเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นตามแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ โดยการตั้งแคมป์และนอนกางเต็นท์ในป่า
ว่าแต่อย่ามัวฟินกับวิว จนลืมดูแลตัวเองนะคะ เพราะกิจกรรมนี้อาจทำให้คุณเสี่ยงต่อ “ไข้มาลาเรีย” และ “ไข้รากสาดใหญ่” ได้ค่ะ
สำหรับความเสี่ยงต่อ “ไข้มาลาเรีย” นั้น เหตุเพราะกิจกรรมดังกล่าวมีโอกาสถูกยุงกัดเสี่ยงต่อการป่วยเป็นไข้มาลาเรีย เนื่องจากยุงก้นปล่องนำเชื้อไข้มาลาเรียมาสู่คนได้ โดยหลังจากถูกยุงก้นปล่องที่มีเชื้อมาลาเรียกัดประมาณ 10-14 วัน จะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ หนาวสั่นสลับร้อน เหงื่อออก รู้สึกสบายแล้วกลับมาเป็นไข้ใหม่อีกครั้ง ให้ผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ป่วยเป็นไข้มาลาเรีย
หากมีอาการดังกล่าวหรือสงสัยว่าป่วยเป็นไข้มาลาเรียให้รีบไปพบแพทย์เจาะเลือดตรวจหาเชื้อมาลาเรีย และต้องแจ้งประวัติการเข้าป่าหรือไปบริเวณพื้นที่เสี่ยงให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อให้การรักษารวดเร็ว เพราะหากช้าจนมีอาการแทรกซ้อนร้ายแรงทำให้เสียชีวิตได้
ส่วนความเสี่ยงต่อ “ไข้รากสาดใหญ่นั้น” เหตุเพราะการกางเต็นท์ หรือตั้งแคมป์ในป่าอาจเสี่ยงต่อการโดนตัวไรอ่อนกัด ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคคับไทฟัส หรือไข้รากสาดใหญ่ ที่อาศัยในขนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู กระแต และชอบกัดมนุษย์บริเวณขาหนีบ เอว ลำตัวแถวใต้ราวนม รักแร้ จะปล่อยเชื้อริกเก็ตเซียเข้าสู่คน (ในตัวไรอ่อนจะมีเชื้อริกเก็ตเซีย)
หลังถูกกัดประมาณ 10-12 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ตัวร้อนจัด หนาวสั่น ปวดศีรษะบริเวณขมับ และหน้าผากอย่างรุนแรง อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดกระบอกตา มีแผลคล้ายถูกบุหรี่จี้มีสีแดงคล้ำเป็นรอยบุ๋มแต่ไม่คัน และผู้ป่วยประมาณร้อยละ 20 อาจมีอาการแทรกซ้อนอย่างรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ ไตวายเฉียบพลัน ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
ดังนั้น การไปเที่ยวป่ากางเต็นท์นอนควรเลือกที่ตั้งค่ายพักในบริเวณโล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่ง และนอนบนพื้นหญ้า แต่งกายให้มิดชิด สวมถุงเท้าหุ้มไปจนถึงปลายขากางเกง ทายากันยุง และยาป้องกันแมลงกัดตามแขนขา และควรสังเกตอาการของตนเอง หากกลับจากเที่ยวป่ากางเต็นท์นอนภายใน 2 สัปดาห์ และพบมีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเข้าไปในป่า เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
ไม่อยากเสี่ยงกับการเจ็บป่วยด้วย 2 โรคดังกล่าวก็ต้องระวังอย่าให้ถูกยุง ตัวไรอ่อน หรือแมลงต่างๆ กัดนะคะ ที่สำคัญควรหมั่นสังเกตตัวเอง หากพบว่าผิดปกติอย่ามัวรีรอ ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วนนะคะ