ทำเอาหวาดผวากันไม่น้อยกับกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ว่า มีผู้ป่วยเป็นโรคประหลาด มีตัวคล้ายหนอนโผล่ออกมาจากผิวหนัง ตัวดำ ๆ ใส ๆ มีอาการคัน เจ็บ โดยเฉพาะบริเวณแขน ขา และลำตัว ต้องอาบน้ำร้อนเพื่อให้หนอนออกมาจากผิว ว่าแต่โรคนี้คืออะไร มีลักษณะอย่างไร เราไปทำความรู้จักกันเถอะ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวโดยวิเคราะห์ว่า กรณีนี้ผู้ป่วยอาจเป็นโรคหลงผิดคิดว่ามีพยาธิหรือแมลงในผิวหนัง (Delusions of parasitosis) ซึ่งเป็นโรคที่มีผื่นผิวหนัง ที่เกิดจากสาเหตุทางจิต โดยผู้ป่วยมีความเชื่อผิดๆ ฝังใจว่ามีพยาธิหรือแมลงอยู่ในผิวหนัง ผู้ป่วยมักดูมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นปกติ มีแต่ความเชื่อผิด ๆ มักมาพบแพทย์หลายครั้ง ให้ประวัติว่ามีแมลงฝังตัวในผิวหนัง หรือมีแมลงไชออกจากผิวหนัง หรืออ้างว่ามีอาการคันยุบยิบเนื่องจากมีพยาธิไชผิวหนัง
ลักษณะทางผิวหนังของผู้ป่วยมักพบรอยแกะเกาบนผิวหนังที่ผู้ป่วยเอื้อมมือถึง บางรายอาจแกะเการุนแรงจนกลายเป็นแผลลึก ผู้ป่วยอาจพยายามดึงตัวแมลงออกจากผิวหนังให้แพทย์ดู บางรายแกะแมลงออกจากผิวหนังเก็บรวบรวมใส่ถุงมาให้แพทย์ดู ซึ่งวัตถุเหล่านี้ที่ผู้ป่วยแกะรวบรวมมา มักเป็นแค่สะเก็ดหนังกำพร้า เส้นขนอ่อน หรือแมลงที่พบในบ้านที่ไม่เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย แนะนำผู้ป่วยมาพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด
โรคที่พบหนอนหรือพยาธิไชผิวจริง มี 3 โรค ได้แก่
- โรคพยาธิไชผิว เกิดจากคนเดินเท้าเปล่าบนพื้นดินซึ่งมีพยาธิจากมูลสุนัข หรือพยาธิที่อยู่ในดินไชเข้าไปในผิวหนัง เกิดผื่นคันซึ่งสามารถเคลื่อนที่ได้ตามการไชของพยาธิในผิวหนัง
- พยาธิหอยคัน เกิดจากคนลงเข้าไปแช่น้ำที่ท่วมขังในท้องนา ในน้ำมีพยาธิที่ออกมาจากหอยน้ำจืดมาไชผิวหนัง เกิดอาการตุ่มคันได้
- หนอนไชแผลที่ผิวหนัง ซึ่งปัจจุบันพบน้อยมาก ซึ่งเกิดจากคนที่เป็นแผลลึกเกิดที่ผิวหนังแล้วไม่ได้รักษาความสะอาดของแผล ทำให้แมลงวันมาวางไข่แล้วเกิดเป็นตัวหนอนไชในผิวหนัง มีอาการชัดเจน คือ แผลสกปรก มีกลิ่นเหม็น ทำให้เห็นตัวหนอนไชในผิวหนังได้
เนื่องจากในประเทศไทยพบอัตราการเป็นโรคพยาธิปากขอสูงในแมวและสุนัข จึงมีโอกาสที่พยาธิปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมมาก การป้องกันที่ดีที่สุด ทำได้โดย
- ระวังและป้องกันไม่ให้พยาธิไชเข้าร่างกาย โดยจะต้องสวมรองเท้าเวลาเดินเสมอ และหลีกเลี่ยงการนั่งหรือสัมผัสบนดิน ทราย ที่อาจมีการปนเปื้อนมูลสัตว์
- ควรถ่ายพยาธิให้แมวและสุนัขเพื่อไม่ให้มีการแพร่ปรสิตสู่ดิน
ทั้งนี้ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือสสงสัยว่าป่วยด้วยกลุ่มโรคดังกล่าว แนะนำไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจวินิจฉัยถึงสาเหตุที่แท้จริงเพื่อนำไปสู่การรักษาให้ถูกจุด