“ต้อลม” เป็นโรคที่พบบ่อยในวัยทำงาน
สาเหตุเกิดจากการเสื่อมของเยื่อบุตาขาว มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อขนาดเล็ก นูน สีขาวหรือเหลืองอยู่บริเวณเยื่อบุตาขาว แต่ไม่ใช่เนื้องอก มักพบบริเวณหัวตามากกว่าหางตา ที่น่ากลัว คือ ถ้าเป็นแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยังอาจลุกลามจนกลายเป็นต้อเนื้อได้ค่ะ
ข้อมูลจาก นายแพทย์ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ สรุปความได้ว่า
ผู้ที่เริ่มเป็นต้อลมช่วงแรกมักไม่แสดงอาการให้เห็น แต่จะรู้สึกเคืองตา แสบตา น้ำตาไหล หรือตาแดง และมีอาการมากขึ้นขณะอยู่กลางแจ้ง โดนแดด โดนลม เมื่อต้อลมมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือเกิดการอักเสบ สาเหตุเกิดจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือที่เรียกว่ารังสี UV ซึ่งมีอยู่ในแสงแดด ประกอบกับการสัมผัสกับลม ฝุ่น ควัน และความร้อนที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุตาขาว
ถือเป็นโรคที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง หากไม่มีอาการหรือไม่อักเสบก็ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยา
การป้องกันและรักษาโรคต้อลมสามารถทำได้ด้วยการหลีกเลี่ยง แสงแดด ลม ฝุ่น และควัน เพราะจะกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบ และควรใส่แว่นกันแดดเป็นประจำเพื่อป้องกันแสงแดดและลมเมื่ออยู่กลางแจ้ง หากมีอาการระคายเคืองตา น้ำตาไหล ตาแดงอักเสบ ควรรับการตรวจรักษาจากจักษุแพทย์
ไม่ควรซื้อยาหยอดตาเองเพราะยาหยอดตาไม่สามารถทำให้ต้อลมหายได้ และบางกรณีการซื้อยาหยอดตาเองบางครั้งได้ยาที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ เมื่อหยอดนานๆ อาจทำให้เป็นโรคต้อหินได้ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีการพัฒนาจนเป็นต้อเนื้อและมีอาการระคายเคืองอักเสบเป็นประจำ รวมถึงรักษาด้วยยาหยอดตาแล้วไม่ดีขึ้น จักษุแพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีรักษาด้วยการผ่าตัด
เพื่อถนอมดวงตาให้อยู่ในสภาพดีไปยาวนาน จึงควรใส่ใจและตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา เช่น ผลไม้ มะละกอ ผักใบเขียว แครอท ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เป็นต้น พักสายตาทุก 1 ชั่วโมง เมื่อใช้สายตามากๆ นอกจากนี้ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อนถือเป็นการพักสายตาที่ดีที่สุด หากมีความผิดปกติที่ดวงตาควรรีบไปพบแพทย์ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลามจนยากจะรักษาได้
ดวงตาถือเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ถึงแม้ว่าโรคเกี่ยวกับตาจะไม่อันตรายถึงขั้นทำให้เสียชีวิต แต่ถ้าเสียดวงตาไปแล้วก็ยากที่จะทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้นะคะ