พ่อแม่ผู้ปกครองบางคนมักมองข้ามเมื่อลูกน้อยวัยซนบอกว่า “ปวดหัว” เพราะคิดว่าอาการเหล่านี้เกิดกับผู้ใหญ่เท่านั้น ทั้งที่ความจริงคือเด็กที่มีอายุ 3 ขวบจะเริ่มปวดหัวได้แล้ว โดยอาการปวดหัวของเด็กนั้น จะพบได้มากในเด็กที่อยู่ในวัยเรียน ว่าแต่สาเหตุใดบ้างที่ทำให้เด็กปวดหัว เราไปค้นหาคำตอบกัน การปวดศีรษะในเด็ก อาจเกิดจากที่ศีรษะเองและจากส่วนอื่นของร่างกาย ได้แก่ ตา จมูก ปาก คอ ฟัน และอื่น…
“หวัด” ถือเป็นโรคยอดฮิตที่ป่วยได้ทุกเพศทุกวัย สำหรับวัยซนนั้น มีการศึกษาพบว่า เด็กสามารถป่วยได้ถึงปีละ 10-12 ครั้ง โดยเด็กแต่ละคนมีโอกาสเป็นหวัดได้บ่อยครั้งต่างกัน อย่างไรก็ตาม การดูแลเด็กให้ถูกวิธี สามารถช่วยป้องกันเจ้าตัวเล็กไม่ให้เป็นหวัดได้ หรือเมื่อป่วยเป็นหวัดก็รักษาได้ง่าย หายเร็ว รวมเคล็ดลับลดความเสี่ยงให้ลูกห่างไกลโรคหวัด ดูแลให้ลูกพักผ่อนให้เพียงพอและสวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นเพียงพอ โดยวิธีสังเกตว่าลูกนอนพอไหม คือ ตอนเช้าสามารถปลุกแล้วลูกตื่นได้ง่าย…
ช่วงปิดเทอมพฤติกรรมการกินอาหารของเจ้าตัวซนอาจเปลี่ยนไป โดยเด็กมักจะชื่นชอบอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล ไขมัน รวมทั้งจั๊งค์ฟู้ดต่าง ๆ การที่พ่อแม่วุ่นกับการทำงานอาจทำให้ไม่ได้ดูแลเรื่องการกินของลูก เด็กน้อยจึงกินอาหารโปรดเหล่านี้ในปริมาณมาก และใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการดูทีวี เล่นเกม มีการเคลื่อนไหวน้อยลง ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ วิธีดูแลลูกน้อยวัยซนในช่วงปิดเทอมเพื่อป้องกันความเสี่ยงโรคอ้วน พ่อแม่ผู้ปกครองควรจัดอาหารให้มีคุณค่าและถูกหลักโภชนาการ ทั้งปริมาณและความเหมาะสมกับวัย โดยให้เจ้าตัวซนกินอาหารให้ครบ 5 หมู่…
ช่วงนี้อากาศร้อนมาก ๆ ไม่แปลกที่จะทำให้หลายคนเป็นหวัดได้ง่าย โดยเฉพาะเหล่าเด็กน้อยที่ร่างกายยังมีภูมิคุ้มกันโรคได้ไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่ จึงทำให้เสี่ยงต่อการเป็นไข้หวัดอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งอาการเบา ๆ ไม่กี่วันก็หาย แต่บางทีก็หนักหนาถึงขั้นนอนซมอยู่หลายวัน ในกรณีที่อาการไม่รุนแรงมากเราไม่จำเป็นต้องพึ่งยาก็หายได้หากดูแลอย่างถูกวิธีค่ะ วิธีดูแลเจ้าตัวซนเมื่อเป็นหวัดแบบไม่ต้องพึ่งยา เมื่อเด็กเริ่มเป็นหวัด มักมีน้ำมูกใส ๆ ไหลออกมา คุณพ่อคุณแม่ควรช่วยลูกน้อยระบายน้ำมูกหรือเสมหะที่ค้างอยู่ในโพรงจมูก ด้วยการใช้ผ้านุ่ม ๆ…
ความกลัวของเด็กพบได้ตามธรรมชาติในช่วงวัย 3-5 ปี ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ลูกกลายเป็นเด็กขี้กลัว ได้แก่ เป็นโรคประสาทวิตกกังวลอยู่ ถูกข่มขู่ ถูกหลอก ทำให้ตกใจกลัวอยู่บ่อย ๆ หรือมีประสบการณ์ที่ทำให้ตกใจอย่างรุนแรงมาก่อน เช่น ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ถูกตี ถูกดุด่า ขาดการฝึกฝนทักษะ ไม่อยากให้พฤติกรรมนี้ติดตัวลูกไปจนโต ต้องรับมืออย่างถูกวิธี…
อุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก ๆ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกหลานอยู่ในวัยซน เนื่องจากเด็กวัยนี้อยู่ไม่นิ่ง ซุกซน ชอบสำรวจ จึงมักเสี่ยงต่อการได้รับบาดแผลจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ได้ง่าย จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะต้องป้องกันและดูแลไม่ให้เจ้าตัวซนบาดเจ็บ นอกจากนี้พ่อแม่ผู้ปกครองควรมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลบาดแผลด้วย
เด็กวัยซนเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต มีการเรียนรู้ ทำกิจกรรมต่างๆ จึงควรได้รับพลังงานและสารอาหารอย่างเพียงพอในปริมาณที่เหมาะสม ในส่วนของมื้อหลัก เช้า-กลางวัน-เย็น
“อาหารกลางวัน” ถือเป็นอีกหนึ่งมื้ออาหารที่สำคัญ โดยเด็กควรได้กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เพื่อให้ได้สารอาหารที่เหมาะสม ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต มีพัฒนาการสมวัย
เด็กวัยกำลังหัดเดิน หรือเดินคล่อง สามารถวิ่งเล่นไปมาได้อย่างรวดเร็ว มักจะไม่ค่อยระมัดระวังตัว รวมถึงชอบสำรวจสิ่งรอบตัวบางครั้งเพราะความซุกซนอยากรู้อยากเห็นก็มีอันต้องเจ็บตัวอยู่บ่อยครั้ง
เพราะความอยากรู้อยากเห็น ชอบสำรวจสิ่งรอบตัว เด็กวัยซนจึงเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เรียกว่าถ้าพ่อแม่ปล่อยออกไปให้วิ่งเล่นกลางแจ้ง มักจะได้แผลกลับบ้านมาเป็นของฝากไม่มากก็น้อย การดูแลแผลจึงเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ต้องใส่ใจ