ฉีกจากอะไรเดิม ๆ ที่เราเคยอ่านกัน โดยแทนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางมากเกินไป เราควรปล่อยให้ผิวของเราได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมด้วยตัวเองดีกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของวิธีนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่จบ วันนี้สดสวยจึงหยิบยกมาให้สาว ๆ ทำความรู้จักกันก่อน แล้วจะตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำ เหมาะหรือไม่กันอีกครั้ง
1.ล้างผิวด้วยน้ำ หรือ สบู่เท่านั้น
เขากล่าวไว้ว่า การล้างหน้าบ่อย ๆ ทำให้ผิวแห้งมากเกินไปและเป็นการทำลายพื้นผิวของผิวหนัง ทำลายการป้องกันตัวเองของผิว และจะทำให้เกิดริ้วรอยและการหย่อนคล้อย ไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ให้ใช้เพียงแต่น้ำสะอาดและสบู่ที่ไม่มีสารลดแรงตึงผิวเบาๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หลักการนี้อาจจะดีแต่เหมาะกับคนที่ไม่ได้แต่งหน้า หรือเหมาะกับการทำความสะอาดผิวในตอนเช้าเท่านั้นก็ได้
2.ห้ามใช้โทนเนอร์
หลักการสกินฟาสติ้ง (skin fasting) เชื่อว่าส่วนประกอบหลักของโทนเนอร์คือน้ำ เมื่อน้ำระเหยที่ผิว รอยต่อระหว่างเซลล์จะแตกและทำให้ผิวแห้ง ซึ่งหลักการนี้ถูกต้องมาก ๆ แต่สำหรับคนผิวมัน เสพติดโทนเนอร์กันไปแล้วใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นหลักการนี้อาจจะขัดใจคนที่ชอบใช้โทนเนอร์ไปสักหน่อย
3.ใช้ปิโตรเลียมเจลแทนครีมบำรุงผิว
อย่าใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่ง ผลิตภัณฑ์ต้านริ้วรอย ผลิตภัณฑ์ลบริ้วรอย เป็นต้น เพียงให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดและการเพิ่มความชุ่มชื้นธรรมดา ๆ หากรู้สึกว่าผิวแห้ง ใช้แค่ปิโตรเลียมเจลปริมาณเล็กน้อย เพราะมันจะไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจน แต่ครีมอื่น ๆ จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้ง่าย จึงทำให้มีโอกาสเกิดเป็นสารอันตรายหลังจากการบำรุงผิวได้ด้วยครีมเหล่านั้นได้
4.ลดการใช้ครีมกันแดด
ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดประกอบด้วยสารเคมีจำนวนมาก จึงไม่สนับสนุนให้ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด เขาเชื่อว่าการได้รับรังสียูวีในประมาณที่เหมาะสมสามารถทำให้ผิวมีสุขภาพดีได้ หากคุณสัมผัสแสงแดดเป็นระยะเวลาสั้น ๆ คุณสามารถใช้การป้องกันแสงแดดทางกายภาพ เช่น หมวก ผ้าเช็ดหน้า การใส่เสื้อผ้าปกปิด เป็นต้น
5.ไม่ใช้สติ๊กเกอร์ติดสิวหัวดำ
สิวหัวดำคือของเสียเก่าที่เกิดขึ้นจากการหลุดลอกของคีราติโนไซต์ การเลือกใช้สติ๊กเกอร์แผ่นลอกสิว สามารถขจัดสิวได้ในทันที แต่จะทำให้เกิดความเสียหายภายในกับรูขุมขน และเพื่อฟื้นฟูความเสียหายนี้หนังกำพร้าชั้นบนสุดจะหนาขึ้นซึ่งทำให้รูขุมขนกว้างได้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ การดูแลผิวแบบฉีกกฏที่เราเคยรับรู้มายาวนาน หลายคนอาจจะคิดว่า ไม่เหมาะกับเราอย่างแน่นอน เรามารอดูกันต่อไปค่ะว่าหลักการนี้จะได้ผลดีและเป็นที่ยอมรับในอนาคตหรือไม่
