แสงแดดซัมเมอร์ร้อนแรงมากขึ้นทุกที เดินออกจากบ้านทีไรต้องคอยระวังว่าผิวจะโดนแสงแดดทำร้าย นอกจากเราจะใส่เสื้อผ้าปกป้องผิว หรือกางร่ม ใส่หมวก อะไรก็แล้วแต่ ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือครีมกันแดดนะคะ แล้วเราก็ควรเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสถานการณ์ที่เราเจอด้วย ทีนี้เรามาดูกันว่าเราควรเลือกครีมกันแดดแบบไหน และมีวิธีใช้อย่างไรเพื่อจะปกป้องผิวได้เต็มที่
1.SPF คืออะไร
SPF เป็นค่าของการป้องกันรังสี UVB รังสีตัวนี้แหละร้ายกาจมาก เพราะสามารถทำให้เราผิวไหม้ หมองคล้ำและเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังได้เลยนะ ซึ่ง SPF จะเป็นค่าที่บ่งบอกถึงระยะเวลาในการปกป้อง UVB โดยที่ผิวจะไม่ไหม้แดด ยิ่งค่า SPF มากขึ้นก็จะสามารถดูดซับและป้องกัน UVB ได้มากขึ้นเช่นกัน
2.PA คืออะไร
PA คือค่าที่วัดการป้องกันรังสี UVA เป็นรังสีที่สามารถทำร้ายชั้นผิวที่มีคอลลาเจนและอีลาสตินได้ นั่นหมายความว่ามันจะทำให้ผิวของเราดูแก่ก่อนวัย และเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังได้เช่นกัน หากจะดูว่าเราควรใช้ค่า PA เท่าไหร่ ให้เลือกตาม ++++ ที่อยู่หลังค่า PA ได้เลย ยิ่งมากก็ยิ่งปกป้องได้มากไปตามลำดับค่ะ
3.ปริมาณต้องเพียงพอ
เคยสงสัยไหมว่าเราควรใช้ปริมาณครีมกันแดดเท่าไหร่ถึงจะปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าวัดกันแบบง่าย ๆ ไม่ต้องมาชั่งตวงอะไรกัน สำหรับผิวหน้าก็บีบครีมกันแดดลงมือประมาณ 2 ข้อนิ้วนี่แหละ ส่วนผิวกายต้องฝ่ามือนึงถือจะเพียงพอ แต่ไม่ใช่รอบเดียวนะจ๊ะ 2 รอบไปเลยจ้า
4.ทาก่อนออกแดด
รอให้ครีมกันแดดออกฤทธิ์ทำปฏิกริยาปกป้องผิวสักพักนึงนะคะสาว ๆ อย่าเพิ่งรีบร้อน เพราะถ้าทาแล้วออกไปโดนแสงแดดเลยมันจะยังไม่ปกป้องผิวเราได้นะ ควรรออย่างน้อย 20 นาที แล้วจึงค่อยโดนแดด ไม่อย่างนั้นกันแดดที่เราทาไปจะยังไม่ได้ผล
5.ทาซ้ำตลอดทั้งวัน
หากทาครีมกันแดด 1 ครั้งก่อนออกจากบ้าน ไม่ได้หมายความว่าจะปกป้องผิวเราได้ตลอดวันนะคะสาว ๆ เรื่องที่ถูกคือเราควรทาครีมกันแดดทุก ๆ 2 ชั่วโมง สำหรับในวันปกติที่เจอแสงแดดระหว่างวัน ไม่นับในวันที่ต้องเล่นกีฬากลางแจ้งนาน ๆ นะคะ ถ้าต้องมีกิจกรรมแบบนั้นต้องทาครีมกันแดดทุก ๆ 40 นาที โดยเฉพาะในกรณีต้องโดนน้ำด้วยค่ะ
เอาล่ะ ได้วิธีการเลือกครีมกันแดดและการทาครีมกันแดดแบบเด็ด ๆ กันไปแล้ว อย่าลืมปกป้องผิวในแต่ละวันกันด้วยนะคะ เพราะถ้าโดนแสงแดดทำร้ายผิวขึ้นมารักษานานเลยล่ะค่ะ