การฉีดฟิลเลอร์เป็นกระบวนการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถปรับรูปใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว โดยฟิลเลอร์มักถูกฉีดเข้าไปในบริเวณต่างๆ ของใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา ริมฝีปาก ทั้งนี้ หากไม่มีความชำนาญอาจพลาดพลั้งและนำไปสู่อันตรายได้ ซึ่งรวมถึงโอกาสเสี่ยงจอตาฉีกขาดจากการฉีด
การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คือ การฉีดสารเติมเต็ม ใช้สำหรับเติมเต็มเพื่อแก้ปัญหาผิว ริ้วรอยร่องลึก บริเวณต่างๆ ของใบหน้า โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. ชนิดชั่วคราว ส่วนใหญ่จะเป็นสารกลุ่มไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ (HA) ในการฉีดครั้งหนึ่งจะอยู่ได้นานประมาณ 1 – 2 ปี
2. ชนิดกึ่งถาวร ในการฉีดครั้งหนึ่งอาจอยู่ได้ยาวนานเป็น 10 ปี
อย่างไรก็ตาม แพทย์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแนะนำชนิดกึ่งถาวร เนื่องจากโดยส่วนใหญ่มักไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติเหมือนกลุ่มไฮยาลูรอนิค แอซิด เมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาทำให้การรักษาค่อนข้างยาก
แม้การฉีดฟิลเลอร์จะเป็นหนึ่งในวิธีเสริมความงามที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยช่วยแก้ปัญหาผิว ริ้วรอยร่องลึก ปรับรูปหน้า ฯลฯ ได้ไม่มากก็น้อย แต่การฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน ฉีดไม่ถูกตำแหน่ง หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ การใช้เข็มฉีดฟิลเลอร์ทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องกายวิภาค โดยเฉพาะเรื่องของกายวิภาคบนใบหน้า ตามที่เห็นในข่าวที่แชร์กัน เกี่ยวกับอันตรายหลังฉีดฟิลเลอร์ หากอ่านเนื้อหาจะพบว่า ผู้ฉีดมักไม่ใช่แพทย์ เป็นหมอเถื่อน หมอกระเป๋า หรืออีกกรณีคือเป็นแพทย์ตัวจริงแต่ขาดประสบการณ์ ก็อาจฉีดผิดจุดพลาดโดนเส้นเลือดเกิดการอุดตันได้
ฟิลเลอร์มักถูกฉีดเข้าไปในบริเวณต่างๆของใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือริมฝีปาก โดยบริเวณที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดคือบริเวณรอบดวงตาและจมูก เนื่องจากบริเวณเหล่านี้มีหลอดเลือดที่เชื่อมต่อกับหลอดเลือดในตาอย่างใกล้ชิด หากฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าไปในหลอดเลือดโดยไม่ตั้งใจสามารถทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดจอตาได้ อีกหนึ่งในผลข้างเคียงที่รุนแรงและเป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อยคือ การฉีดฟิลเลอร์ที่ทำให้เกิดภาวะจอตาฉีกขาด
ภาวะจอตาฉีกขาด (Retinal tear) เป็นภาวะที่สามารถนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้อย่างถาวรหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที การเกิดภาวะจอตาฉีกขาดนี้ เป็นผลมาจากการที่เข็มฉีดฟิลเลอร์ ถูกสอดลึกเกินไปจนทะลุเข้าไปในดวงตาโดยไม่ได้ตั้งใจจากผู้ฉีดที่ไม่มีความเชี่ยวชาญพอในการที่จะควบคุมความลึกของเข็ม ขาดความเข้าใจในโครงสร้างของดวงตาและใบหน้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดหรือการศึกษาเฉพาะที่บ่งบอกถึงอัตราการเกิดภาวะนี้โดยตรง เนื่องจากรายงานส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องมักเป็นรายงานกรณีศึกษาที่มีจำนวนผู้ป่วยน้อยทำให้ยากที่จะประเมินอัตราการเกิดที่แน่นอน
สำหรับอาการที่ควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่ เห็นแสงวาบเหมือนแฟลชในดวงตา เห็นจุดหรือเส้นใยลอยในดวงตา รวมไปถึงการมองเห็นผิดปกติไป เห็นภาพบิดเบี้ยวหรือเห็นภาพบางส่วนขาดหายไป หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะจอตาฉีกขาดหรือหลุดลอก เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงรุนแรงจากการฉีดฟิลเลอร์ แนะนำให้ผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์บริเวณดวงตาและจมูกซึ่งเป็นบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง และตรวจสอบอาการหลังจากฉีดฟิลเลอร์
ทั้งนี้ หากพบอาการผิดปกติใดๆ ของดวงตาหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ อย่าปล่อยผ่าน ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันทีเพื่อตรวจรักษาอย่างทันท่วงที ก่อนอาการจะรุนแรงจนยากต่อการรักษา