โลชั่นคาลาไมน์ที่เรารู้จักกันในรูปแบบชองโลชั่นสีชมพูธรรมดาๆ ที่ไว้ทาบนรอยยุงกัด แก้คัน ตอนนี้กำลังได้รับความนิยมในฐานะสุดยอดไพรเมอร์ก่อนแต่งหน้า รักษารอยสิว และผลิตภัณฑ์ SPF ทั้งหมดในหนึ่งเดียว บน TikTok โดยเกลี่ยบาง ๆ บนใบหน้า (ด้วยมือเปล่าหรือแปรง) ปล่อยให้แห้ง จากนั้นทารองพื้นเพื่อให้ได้ลุคแมตต์ไร้ที่ติติดทนนานตลอดวัน แต่สิ่งที่คุณสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับ Calamine คือ โลชั่นคาลาไมน์คือการรักษาเฉพาะจุดเพื่อทำให้จุดที่อักเสบบนผิวหนังของคุณแห้ง เช่น แมลงกัดต่อย โรคงูสวัด หรือไม้เลื้อยพิษ ซึ่งส่วนผสมหลักคาลาไมน์, ซิงค์ออกไซด์, เหล็กออกไซด์ และฟีนอล สามารถดูดซับน้ำมันได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนจึงลองใช้มันเป็นเบสในการแต่งหน้า” เธออธิบาย
ถ้ากล่าวถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาจัดประเภทโลชั่นคาลาไมน์เป็นสารปกป้องผิว และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติสำหรับวัตถุประสงค์อื่น และควรใช้ไม่เกิน 7 วัน หากมากกว่านี้ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- คาลาไมน์เป็นเมคอัพไพรเมอร์
ข้อควรระวังเมื่อลองใช้ผลิตภัณฑ์ในลักษณะที่แตกต่างจากที่ตั้งใจไว้ รวมถึงการใช้คาลาไมน์เป็นไพรเมอร์ในการแต่งหน้า การใช้ยาสมานแผลมากเกินไป เช่น โลชั่นคาลาไมน์ อาจทำให้ผิวแห้งได้ และเมื่อเกราะป้องกันผิวหนังได้รับความเสียหาย ผิวหนังอาจระคายเคืองและอักเสบได้ง่ายขึ้น และการขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้ง และทำให้ผิวหนังที่มีปัญหา เช่น กลาก สิว และสภาพผิวอักเสบอื่นๆ แย่ลงได้ นอกจากนี้โลชั่นคาลาไมน์แบบดั้งเดิมยังมีกลิ่นหอมมาก ดังนั้นหากผิวของคุณใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมได้ไม่ดีนัก คุณอาจต้องการหลีกเลี่ยง
- คาลาไมน์เป็นยารักษาแผลเป็นจากสิว
เราชอบที่จะคิดว่าของสีชมพูที่เชื่อถือได้สามารถช่วยเรื่องรอยแผลเป็นจากสิวได้ ตามความเชื่อในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แต่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าไม่มีส่วนผสมในโลชั่นคาลาไมน์ที่จะช่วยในการซ่อมแซมรอยแผลเป็นจากสิว ยกเว้นฟีนอลเป็นส่วนประกอบที่มีประสิทธิภาพในการลอกผิวด้วยสารเคมีเพื่อลดการเกิดแผลเป็น แต่ก็ไม่แนะนำใช้ฟีนอลทุกวัน และเป็นเวลานาน หากคุณมีสภาพผิวที่เป็นโรคผิวหนังอยู่ ควรระมัดระวังกับโลชั่นคาลาไมน์ “ฟีนอลเป็นส่วนผสมในการลอกผิวที่แข็งแรง” อาจทำให้สภาพผิวเช่นกลาก, โรคโรซาเซียและโรคสะเก็ดเงินแย่ลงได้
- Calamine เป็นผลิตภัณฑ์ SPF
ข่าวลือในโซเชียล โลชั่นคาลาไมน์สามารถให้การปกป้องด้วยค่า SPF เนื่องจากมีซิงค์ออกไซด์ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ในครีมกันแดดส่วนใหญ่ ตามบันทึกการวิจัย ซิงค์ออกไซด์ในคาลาไมน์อาจช่วยป้องกันรังสียูวีได้ระดับหนึ่ง แม้ว่าจะยังไม่ผ่านการทดสอบค่า SPF โดยเฉพาะ และการทดสอบยังไม่เสร็จสิ้น
หากไม่ใช้คาลาไมน์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้แทนคืออะไร?
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลชั่นคาลาไมน์นั้นคุ้มค่า แต่ถ้าคุณมีความยืดหยุ่นในเรื่องราคา มีไพรเมอร์จำนวนมากที่ได้รับการทดสอบโดยเฉพาะเพื่อลดผิวมัน สำหรับผู้เริ่มต้น ให้มองหาไดเมทิโคน มันจะรวมอยู่ในส่วนผสมที่ทำให้ผิวเรียบและป้องกันความมันที่ออกมาไม่ให้เห็นชัดเจนนัก ดังนั้นตัวอื่นๆ ที่แนะนำคือ
- ไพรเมอร์และแอนติแอนโดรเจนตามใบสั่งแพทย์ แบบสำหรับผิวแมตต์ เพื่อช่วยควบคุมความมัน
- เรตินอยด์เพื่อช่วยกำจัดรอยแผลเป็นจากสิว
เมื่อปิดไพรเมอร์แล้วเรามาพูดถึงรอยแผลเป็นจากสิว อาจจะเป็นในรูปแบบเจลซึ่งรักษาเรโทนอยด์ที่ไม่ผ่านการสั่งโดยแพทย์ โดยเรโทนอยด์ได้มาจากวิตามินเอ ซึ่งสามารถช่วยให้รูขุมขนของคุณเปิดออกและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน รวมถึงประโยชน์อื่นๆ เช่น สามารถซ่อมแซมรอยแผลเป็นจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพและคราบที่หลงเหลือจากรอยสิว เราแนะนำให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่มี adapalene 0.3 เปอร์เซ็นต์และ 2.5 เปอร์เซ็นต์ของ benzoyl peroxide เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดรอยแผลเป็นจากสิว
- ครีมกันแดดสำหรับการปกป้อง SPF
เพื่อปกป้องผิวของคุณจากรังสี UVB และ UVA ที่เป็นอันตราย คุณควรหาสิ่งอื่นที่ไม่ใช่โลชั่นคาลาไมน์ ถึงแม้อาจจะมีคนบอกว่าซิงค์ออกไซด์จะช่วยป้องกันรังสียูวีได้ แต่ผลิตภัณฑ์นี้ยังไม่ผ่านการทดสอบค่า SPF และไม่ควรเชื่อถือในเรื่องนี้ คุณควรใช้ครีมกันแดดที่ปกป้อง SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปจะป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB จากแสงแดด ช่วยป้องกันริ้วรอยก่อนวัย รอยเหี่ยวย่น และมะเร็งผิวหนัง
ดังนั้นทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้เราแนะนำว่าควรใช้คาลาไมน์สำหรับตอบโจทย์ตอบโจทย์โรคผิวหนัง เช่น แมลงสัตว์กัดต่อย ผิวไหม้ และอีสุกอีใส เป็นความจริงที่ผู้ที่มีผิวมันอาจได้รับประโยชน์บ้าง แต่ก็ยังสามารถทำลายเกราะป้องกันผิวได้ ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือแห้ง หรือสำหรับผู้ที่มีสภาพผิวเรื้อรัง เช่น โรคโรซาเซีย โรคเรื้อนกวาง หรือโรคสะเก็ดเงิน หากงบประมาณของคุณเพียงพอ แพทย์ผิวหนังสามารถช่วยคุณหาผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหาหน้ามัน รักษาแผลเป็น และป้องกันค่า SPF ได้สูงสุด
