นอกจากจะสร้างความระคายเคืองดวงตาให้แก่ผู้ป่วยแล้ว “ตากุ้งยิง” ยังเป็นโรคที่สร้างความรำคาญใจ รวมถึงความรู้สึกอับอายเนื่องมาจากความเชื่อแบบผิดๆ ที่ว่าสาเหตุของโรคดังกล่าวคือ การไปแอบดูใครซักคนอาบน้ำ ว่าแล้วเราก็มารู้จักโรคนี้ให้ถูกต้องกันดีกว่า
“ตากุ้งยิง” (Stye/Hordeolum)
เป็นการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณฐานของขนตา ใต้เปลือกตา ลักษณะเหมือนฝีทั่วไป มีขนาดประมาณ 2 มิลลิเมตร ไปจนถึง 1 เซนติเมตรโดยปกติแล้ว ตาของคนเราจะมีต่อมไขมันมากมายอยู่บริเวณใต้ผิวหนังที่เปลือกตา ซึ่งสามารถระบายไขมันออกมาได้โดยผ่านทางรูระบายเล็กๆ ใกล้ๆ ขนตา แต่หากมีอะไรมาอุดตัน ก็จะทำให้ไขมันที่ผลิตออกมาไม่สามารถระบายได้
และหากมีเชื้อโรคเข้าไป ก็จะทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดง เป็นหนอง และมีอาการเจ็บปวดได้ แต่ไม่เป็นอันตรายต่อสายตาสามารถรักษาให้หายได้
อาการของตากุ้งยิงคือ…
- มีก้อนที่เปลือกตา อาจเห็นเป็นตุ่มหนองหรือตุ่มอักเสบ และมีอาการปวดหนังตา
- มีอาการบวมที่เปลือกตา ซึ่งบางรายบวมมากจนตาปิด
- อาจพบหนองไหลออกจากเปลือกตา ซึ่งหากหนองแตกในตาจะทำให้มีขี้ตาเป็นสีเขียว บางรายอาจมีน้ำตาไหล
ฉะนั้นเมื่อสงสัยว่าเริ่มเป็นตากุ้งยิง ก็ควรรีบมาพบจักษุแพทย์โดยเร็ว เพื่อรีบรักษาก่อนที่จะเป็นหนัก
สาเหตุที่มักจะทำให้เกิดการติดเชื้อที่ดวงตาจนเกิดโรคตากุ้งยิง (ส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อแบคทีเรีย) ได้แก่…
- ต่อมไขมันบริเวณโคนขนตาอุดตัน แล้วมีเชื้อโรคแทรกซ้อนเข้าไป
- การใช้มือไม่สะอาดมาถูไถบริเวณตา
- การขยี้ตาบ่อยๆ ทำให้เปลือกตาไม่สะอาด
- การใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์ด้วยมือที่ไม่สะอาด
- การล้างเครื่องสำอางค์ออกไม่หมดหรือไม่สะอาด
ตากุ้งยิง เป็นโรคพบบ่อยโรคหนึ่งของหนังตา พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่มักพบในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก ทั้งนี้อาจเพราะสารที่สร้างจากต่อมต่างๆในผู้ใหญ่มักเข้มข้นกว่าในเด็ก จึงก่อการอุดตันของท่อต่อมต่างๆได้ง่ายกว่า
แต่เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคตากุ้งยิงโดยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยใส่ใจเรื่องความสะอาดให้มาก ล้างมือให้สะอาดเสมอ รักษาสุขอนามัยบริเวณใบหน้า ขนตา ขอบตาให้สะอาด หากใช้เครื่องสำอางก็ควรล้างทำความสะอาดให้หมดจด และไม่ควรขยี้ตา