“ปากแดงๆ จะไว้ใจได้กา
หน้าสวยๆ จะไว้ใจได้กา
แก้มขาวๆ จะไว้ใจได้กา…”
พอพูดถึงปากแดงๆ แก้มแดงๆ แล้วเฮียก็ชอบคิดถึง “มะเขือเทศ” ซึ่งวันนี้เฮียมีเรื่องราวดีๆ ของเจ้าสิ่งนี้มาฝากกัน!!
หากชอบกินมะเขือเทศ ขอบอกว่าห้ามพลาดเคล็ดลับเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมาคุณอาจกินแบบผิดวิธีก็ได้ มาลองปรับกันสักนิดแล้วคุณจะได้รับคุณค่าจากมะเขือเทศเพิ่มขึ้นอีกเยอะ
เดิมเราเชื่อว่าเมื่อกินมะเขือเทศสด ๆ จะได้รับประโยชน์ มาคราวนี้มีคนออกมาโต้แย้งว่า มะเขือเทศต้องกินแบบสุกจึงจะได้รับเบต้าแคโรทีนสูงกว่า เอ๊ะ.. ยังไงกัน เพื่อความกระจ่างเราเลยไปสอบถามข้อมูลจาก คุณอัจฉรีย์ สุวรรณชื่น นักวิชาการโภชนาการโรงพยาบาลรามาธิบดี ว่าจริง ๆ แล้ว มะเขือเทศต้องกินแบบไหนถึงจะได้รับคุณค่าสารอาหารครบถ้วนที่สุด
ทำความรู้จักมะเขือเทศ
มะเขือเทศเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วโลก มีการบริโภคอย่างกว้างขวางทั้งในรูปแบบของผักและผลไม้ รวมถึงทำเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นอกจากสีแดงที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้จานอาหารแล้วรสชาติที่น่ารับประทานก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ เพราะมะเขือเทศมีกลูตาเมตซึ่งเป็นสารที่ให้รสอร่อยเราจึงนิยมนำมะเขือเทศมาเป็นส่วนประกอบในการเพิ่มความกลมกล่อมให้กับอาหารหลากหลายเมนู สำหรับในแง่ประโยชน์ด้านโภชนาการก็มีมากมายและน่าสนใจไม่แพ้สีสันและรสชาติสารอาหารที่พบในมะเขือเทศมีหลายชนิดทั้งกลุ่มวิตามินละลายน้ำ เช่น วิตามินซีและบี ซึ่งเมื่อถูกชะล้างและความร้อนก็จะสูญสลายได้ง่าย
ดังนั้น หากต้องการคุณค่าดังกล่าวก็ควรรับประทานแบบสด ยิ่งถ้าเลือกที่สดใหม่และเป็นผักปลอดสารเคมีได้ยิ่งดี เวลาเตรียมก็ไม่ต้องล้างน้ำมากนัก เพื่อคงคุณค่าสารอาหารได้อย่างเต็มที่
เมนูแนะนำทำจากมะเขือเทศ
นำเสนอทั้งแบบสดและสุก เป็นเมนูกลาง ๆ ที่สามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย แต่การที่เราจะได้รับสารอาหารมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปริมาณและการดูดซึมของสารอาหารแต่ละชนิดด้วย เบต้าแคโรทีนจะดูดซึมได้ดีขึ้นเมื่อมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบและปรุงผ่านความร้อน
แต่มะเขือเทศไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะแค่สารเบต้าแคโรทีนอย่างเดียว ยังประกอบไปด้วยสารอาหารอีกมากมายหลายชนิด เช่น วิตามินบี วิตามินซี วิตามินเค โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ใยอาหาร ฯลฯ การนำมะเขือเทศไปปรุงสุกจะทำให้วิตามินบางตัว เช่น วิตามินบีและซีลดลงมากหรืออาจแทบไม่เหลือเลย ขึ้นอยู่กับวิธีการปรุง ดังนั้น ในทางโภชนาการจะแนะนำให้กินหลากหลาย ปรุงสุกบ้าง หรือกินสดบางคราวสลับหมุนเวียนกันไปเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน